“จาตุรนต์” ร้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่สั่งระงับธุรกรรมทางการเงิน ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งให้ได้รับความเดือดร้อน และปิดปากไม่ให้วิจารณ์รัฐบาลและ คสช.
วันนี้ (9 ก.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2557 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ที่สั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของตนมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ได้ เบิกเงิน ฝากเงิน ซื้อหุ้น หรือแม้แต่ซื้อประกันภัยก็ไม่ได้ ที่ผ่านมาร้องต่อ คสช. รัฐบาล และศูนย์ดำรงธรรมแล้วก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง จึงเห็นว่ารัฐธรรมนูญได้ระบุถึงการจะยกเลิกคำสั่ง คสช.ได้ โดยนายกรัฐมนตรี ครม. และฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญในมาตรา 87 ระบุว่า รัฐพึงที่จะยกเลิกกฎหมายที่สร้างภาระขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต โดยจะต้องยกเลิกกฎหมายลักษณะแบบนี้โดยไม่ชักช้า
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ตนได้ยื่นหนังสือถึงเลขาฯ ครม. เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี และ ครม.เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขโดยอาศัย แต่เวลาล่วงเลยมาไม่มีการดำเนินการ หากปล่อยไปก็หมายความว่า หากหลังเลือกตั้งต้องไปขอรัฐบาลใหม่หรือ ส.ส.ไปยกเลิกคำสั่ง จึงต้องมาขออำนาจศาลปกครองสั่งให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และหากศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่ามีอำนาจหน้าที่ที่จะกระทำได้ ขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง คสช.ที่ 10/2557 หรือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของคำสั่งดังกล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกประหลาดมากที่ชีวิตคนหนึ่งต้องไปขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากของ ส.ส. หรือ ครม.ในอนาคต ซึ่งอาจไม่ทำอะไรให้กับตนก็ได้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จึงมาฟ้องศาลปกครองให้ นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้า คสช., ครม. และเลขาธิการ ครม. ยกเลิกคำสั่งที่ 10/ 2557 ตนจะได้มีสิทธิเสรีภาพตามปกติของพลเมืองไทย
“เขาอาจจะไม่เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 87 ใช้บังคับกับรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ใช่กับรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เขาอาจจะไม่เข้าใจหรือไม่ก็ไม่รู้สึกรู้สากับการทำให้พลเมืองของประเทศไทยต้องเดือดร้อนอย่างนี้ การทำให้ผมลำบากในแง่มุมต่างๆ หลายเรื่องมาก ก็ผสมกันมาตลอดก็เห็นกันอยู่ อย่างเรื่องหนังสือเดินทาง การกลั่นแกล้งที่ผมแสดงความเห็นทางการเมือง และไม่ได้ไปรายงานตัว และเป็นมาตรการสั่งสอน เพียงแต่ไม่มีผลที่จะมาสั่งสอนผมให้ไม่แสดงความเห็นวิจารณ์หรือไม่เห็นด้วยกับ คสช.”