ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ฟางเส้นสุดท้าย!! เปิดอีกปม “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”ขวางโปรเจกต์โรงไฟฟ้าขยะพันล้าน เตะตา “เสือเงียบ”อย่างจัง จนถูกเขี่ยพ้น “เชียงราย”ขุมทรัพย์ขยะภาคเหนือ ที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ “นำร่อง”โรงไฟฟ้าขยะชุมชนทั่วประเทศ หากจุดไม่ติด อภิมหาโปรเจกต์แสนล้าน ก็เป็นหมัน ที่สำคัญค่าตั๋ว“เมกฯละโล - เมกฯละล้าน”ก็เก็บมาแล้วซะด้วย
ขอแสดงความยินดีกับ “ชาวพะเยา” ..ที่ได้คนดีมีคุณภาพอย่าง “ผู้ว่าฯหนึ่ง”ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตพ่อเมืองเจียงฮาย และผู้บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปเป็นผู้ว่าฯ คนใหม่ .. แม้ขั้นตอนโยกย้ายจะเป็นทางการแล้ว แต่จะปล่อยผ่านวิบากกรรมของ “แม่ทัพถ้ำหลวง”ไปเฉยๆ คงไม่ได้ .. ไม่ได้อยากต้องการต่อความยาว สาวความยืด “เสี้ยม”ให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง “ณรงค์ศักดิ์”กับผู้เป็นนายอย่าง “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อย่างที่มีใครพยายามกล่าวหา .. หากแต่ต้องการชี้ให้เห็นถึง “ธรรมาภิบาล” ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ที่มักถูก “แทรกแซง”ด้วยเรื่องไม่ปกติ เพื่อไม่ให้ “ข้าราชการน้ำดี”ต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้อีก .. อย่างการที่ “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ออกมาเปิดหน้าท้าชนกับ “ขาใหญ่ท้องถิ่น”ในหลายโครงการที่ใช้งบประมาณประเทศไม่คุ้มค่า และผิดปกติ แต่กลับต้องเป็น “ฝ่ายไป” ทั้งที่ควรได้รับการสนับสนุน ค้ำชูจาก “ส่วนกลาง” มากกว่า .. ยิ่งหากใคร่ครวญตามเหตุตามผลที่ "บิ๊ก คสช.” ท่องเป็นสรณะว่า จะอภิบาลคนดี ขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน “ผู้ว่าฯ ตงฉิน” คนนี้หรือคนไหนๆ ก็ไม่ควรถูก “ลดเกรด” ที่เหมือนถูกลงโทษด้วยประการทั้งปวง .. แน่นอนว่า “บิ๊กป๊อก” อาจจะพยายามอ้างถึง “ความไม่ราบรื่น” ในการประสานงานของระดับ “จังหวัด-ท้องถิ่น” เป็นผลให้ “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ต้องจาก จ.เชียงราย ไปก็อาจฟังได้ .. หากแต่น่าสังเกตว่า “โปรเจกต์มีทอน” ที่ถูกขวางนั้น ส่วนใหญ่เป็น “โครงการศิลปะ”สร้างเอกลักษณ์ของจังหวัด ที่งบประมาณไม่มากเท่าไร ..
แต่ก็มี “บิ๊กโปรเจกต์” ที่ “เตะตา” เป็นพิเศษ คงเป็นการเข้าไปเกาะติด “โครงการกำจัดขยะมูลฝอยครบวงจรรูปแบบใหม่” ของ จ.เชียงราย มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ที่หลายจุดไม่สามารถใช้งานได้มากกว่า .. เพราะหาก “โปรเจกต์ขยะ”ถูกสกัดไม่ให้เดินหน้าต่อไปได้ ก็อาจส่งผลกระทบถึง “อภิมหาโปรเจกต์เรือธง”ของกระทรวงมหาดไทย .. ด้วยการจัดการขยะรูปแบบใหม่ที่เป็น “วาระแห่งชาติ”ในยุคของ คสช. นั้นเน้นไปที่ “การผลิตพลังงานจากขยะ” อันหมายถึง “โรงไฟฟ้าขยะชุมชน” ทั่วประเทศมูลค่านับแสนๆ ล้านที่ “บิ๊กป๊อก”ให้ความสำคัญและได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพนั่นเอง .. ความสำคัญอยู่ที่ว่า “เชียงราย”เป็น 1 ใน 5 จังหวัด “นำร่อง”ของการจัดการขยะรูปแบบใหม่ ด้วยความที่มี “ขยะมูลฝอย” มาก จากที่เป็นพื้นที่ภูมิศาสตร์เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ของภาคเหนือ .. เรื่องขยะๆ นี่แหละ ที่น่าจะเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้ “ณรงค์ศักดิ์” ต้องถูกเขี่ยไปให้พ้นทาง ด้วยทำให้ฝันของใครบางคนไม่ราบรื่นมากกว่า .. เพราะหากผลักดันไม่สำเร็จ ก็เท่ากับปิดประตูตายในการขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีการปักหมุดไว้ทั้งหมด 54 กลุ่มพื้นที่ ที่มีศักยภาพ ใน 44 จังหวัด .. สอดรับกับ “แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก” ฉบับล่าสุด ที่กำหนดให้ประเทศไทย “ต้อง” ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนไว้มากถึง 12,105 เมกะวัตต์ .. เอาแค่ “ค่าใบอนุญาต” หรือ “ตั๋ว”ที่ขนาดยังโครงการยังไม่ถึงไหน ก็มี “เสือเงียบ”ฟาดค่าตั๋วกันตามราคาตลาด “เมกฯละโล - เมกฯละล้าน” ไปตุงกระเป๋าแล้ว.
**อย่าให้มวยล้ม!! “นอมินีทุนจีน” นำเรือฝ่าพายุทำ “ลูกทัวร์จีน”ตายครึ่งร้อยกลางอ่าวภูเก็ต ทำท่องเที่ยวไทยเสียชื่อ แฉโมเดลธุรกิจสุดเลวร้าย แย่งอาชีพทำกินคนไทย ยิ่งกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”งานนี้คงต้องพึ่งมือดีอย่าง “บิ๊กโจ๊ก”เข้าถอนรากถอนโคน ที่คงไม่ปล่อยมวยล้มแน่นอน
โศกนาฏกรรมทางน้ำครั้งใหญ่ของไทยในรอบเกือบ 30 ปี .. เหตุการณ์ เรือโดยสารท่องเที่ยวหลายลำถูกคลื่นสูงซัดจนล่ม ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 50 ชีวิต .. ส่วนใหญ่เป็น “นักท่องเที่ยวชาวจีน” ที่อยู่บนเรือ “ฟีนิกซ์ ไดวิ่ง”ที่เป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดที่ประสบเหตุครั้งนี้ .. แทบไม่ต้องสืบเลยว่า มาจาก “ความประมาทเลิ่นเล่อ” นำเรือออกทะเล โดยไม่สนใจประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ว่าช่วงนี้จะมีฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง .. อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีเรือหลายลำประสบเหตุคลื่นลมแรงระหว่างทางมาแล้ว แต่เดชะบุญไม่ล้มหงายหลางทะเลเท่านั้นเอง .. หลังเกิดเหตุก็มีข้อมูลในพื้นที่ ทำนองว่า เรือที่นำนักท่องเที่ยวออกไปนั้น หาใช่ “เรือคนไทย”ที่ไม่มีใคร “บ้าบิ่น”จะออกทะเลกลางพายุที่พัดเข้ามาโครมๆ แม้ในช่วง “โลว์ซีซั่น” ที่หากินกันแบบกระเบียดกระเสียน ก็ตาม .. หากแต่เป็น “เรือนอมินีทุนจีน”ที่สนใจแต่ “ค้ากำไร”จนนำ “ลูกทัวร์” ออกไปเสี่ยงและเสียชีวิตอย่างที่เห็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามี “คนไทย” เกี่ยวข้องด้วย ..
แล้วก็ยังมีข้อมูลพรั่งพรูออกมาอีกว่า โมเดลการทำธุรกิจของ “ทุนจีน”จะทำเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะ รถ-เรือ ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก หรือกระทั่งของที่ระลึก หมอนยางพารา “พี่จีน” เข้ามาลงทุนเองทั้งหมด เป็นโมเดลที่ “น้องไทย” แทบไม่ได้ประโยชน์โภชน์ผลอันใดเลย .. เป็นโมเดลที่ไม่ได้ต่างจาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”ที่เหมือนจะถูกปราบปรามจนสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ที่เพิ่มเติมคือ หนักข้อกว่าเก่า .. ก็ต้องถามว่า “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ถึงได้ปล่อยให้มี “โมเดลธุรกิจ”เช่นนี้เกิดขึ้น ที่ทั้งแย่งอาชีพทำกินคนไทย แล้วยังมาสร้างปัญหาให้กับประเทศไทย .. อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ “รัฐบาลจีน” ต้องสายตรงมาถึง “รัฐบาลไทย”เพื่อให้เน้นย้ำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาในอนาคต .. เหมือนเมื่อครั้งที่เคยเอ่ยปากถึง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่หลอกลวง “นักท่องเที่ยวจีน” ไม่มีผิด .. จะได้เวลาโชว์ฟอร์มของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ของ “ดร.เอ” วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ หรือ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช. คมนาคม ในฐานะกำกับดูแลกรมเจ้าท่า .. ที่อุ่นใจขึ้นมาหน่อยก็คงคิวของ “มิสเตอร์สารพัดนึก” อย่าง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ท่องเที่ยว ที่ประกาศลั่น งานนี้ต้องถอนรากถอนโคน .. แต่ต้องไม่ปล่อยให้มวยล้ม เหมือนหลายๆ เวทีที่ “มวยไทย” มักแพ้ทาง “มวยจีน”ก็แล้วกัน
**กราบหัวใจ “จ่าแซม”!! ขอร่วมแสดงความอาลัย และขอขอบพระคุณในน้ำใจ “จ่าแซม-จ.อ.สมาน กุนัน”ที่วีรกรรมยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย มุ่งมั่นทำความดีช่วยเหลือ “เพื่อนมนุษย์”ตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต จนต้องสละชีพในภารกิจแห่งมวลมนุษยชาติ สมควรได้รับการยกย่องเป็น “วีรบุรุษถ้ำหลวง” อย่างแท้จริง
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ .. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับศพ "จ.อ.สมาน กุนัน" ผู้สละชีวิตในภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รับสั่งให้ประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ สมความเสียสละในครั้งนี้ .. เป็น "จ.อ.สมาน กุนัน" ที่หลายคนคุ้นเคยเรียกติดปากว่า "จ่าแซม" อดีต "หน่วยซีล" นักทำลายใต้น้ำจู่โจม รุ่นที่ 30 สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ .. แต่ได้ลาออกจาก กองทัพเรือ ไปเป็นเจ้าหน้าที่ตระเวนระงับเหตุฝ่าย รปภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เมื่อปี 2549 .. กับภารกิจที่ “ถ้ำหลวง”แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานในปัจจุบัน แต่ “จ่าแซม”ในฐานะ “ซีลนอกราชการ” ก็เสนอตัวขอเป็น “อาสาสมัคร” เข้าร่วมสนับสนุน “ทีมกู้ภัย” ของ “พี่น้องซีล” ที่เป็นกำลังหลักในภารกิจครั้งนี้ตั้งแต่วันแรกๆ ..
“จ่าแซม”หมดสติก่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในระหว่างลำเลียงถังอากาศเข้าสู่ภายใน "ถ้ำหลวง" อันเป็นภารกิจสำคัญ เพื่อกู้สถานการณ์วิกฤตอากาศในถ้ำเหลือน้อยเพียง 15% ซึ่งหากลดลงไปต่ำกว่า 12 % จะทำให้ทุกชีวิตที่อยู่ในถ้ำเกิดอันตราย .. “จ่าแซม” ผ่านการฝึกฝนมาแบบ “เหนือมนุษย์” อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น นักกีฬาที่หาตัวจับยาก เป็นทั้งนักกีฬาประเภทแอดเวนเจอร์ อดีตนักไตรกีฬาทีมชาติไทย จักรยานทางไกล ที่คว้ารางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน .. การจากไปของ “จ่าแซม”สะท้อนให้เห็นถึงความโหด และหิน ของภารกิจครั้งได้เป็นอย่างดี .. แต่ความโหดและหินที่ว่า ก็ไม่เคยบั่นทอนความตั้งใจของ “จ่าแซม”และยังเป็นพลังผลักดัน ทำให้ทุ่มเทจน “เกินขีดจำกัด”ของตัวเอง ด้วยคิดเพียงว่า “ทุกวินาทีคือชีวิต” ของผู้ที่รอรับความช่วยเหลือ .. ชื่อของ “จ่าแซม” จะได้รับการจารึกในใจคนไทย-ชาวต่างชาติไปอีกนานแสนนาน ในฐานะผู้ที่มุ่งมั่นทำความดี สร้างคุณประโยชน์ ตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเพื่อช่วยเหลือ “เพื่อนมนุษย์” ด้วยกัน .. ขอร่วมแสดงความอาลัย ความเสียใจ และขอขอบพระคุณในน้ำใจ ไปถึงครอบครัวของ "จ.อ.สมาน กุนัน" ผู้สละชีวิตในภารกิจแห่งมวลมนุษยชาติครั้งนี้ด้วย
ช.ชฎา