xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กโจ๊กแฉจีนเจ้าของเรือล่ม เอี่ยวแก๊ง"ทัวร์ศูนย์เหรียญ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

การค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ในวันที่ 4 มีการปรับแผนการค้นหาทางอากาศ ให้ครอบคลุมทั้ง ภูเก็ต กระบี่ และ พังงา หลังค้นในเรือจนทั่วแล้ว ยังมีผู้สูญหายอีก 15 ราย "บิ๊กโจ๊ก" ระบุเรือ 1 ใน 3 ลำที่ล่ม เกี่ยวข้องกับแก๊ง "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ลั่นเอาผิด ขุดรากถอนโคนนอมินีข้ามชาติ นักวิชาการแฉ คนจีนใช้นอมินีคนไทย จดทะเบียนหลายธุรกิจทำรายได้เข้ากระเป๋า คนไทยแทบไม่ได้อะไรเลย แต่ทรัพยากรถูกทำลาย ด้านนักท่องเที่ยวจีนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม เผยผ่านสื่อจีน เรือฝืนออกทะเลทั้งที่เมฆครึ้ม อากาศไม่ดี แถมตอนเจอพายุ คนบนเรือกลับเงียบ ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม

จากกรณีที่เรือนักท่องเที่ยวชื่อ “ฟีนิกซ์ พีซีไดร์วิ่ง” เกิดอับปางกลางทะเลบริเวณ เกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต ห่างจากท่าเทียบเรืออ่าวฉลองไปประมาณ 20 กม. ภายในเรือ มีผู้โดยสารทั้งหมด 105 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยว 93 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน ไกด์ 1 คน ลูกเรือ 11 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา

เช้าวานนี้ (8 ก.ค.) ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ฯ เป็นประธานประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง วางแผนการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือล่มอีก 15 คน พร้อมเตรียมแผนดูแลช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ เรือหลวงล่องลม เรือหลวงเจ้าพระยา จะค้นหาในพื้นที่เป้าหมายในทะเลลึก และมีเรืออีกส่วนของกรมเจ้าท่า และตำรวจน้ำ สนับสนุนเรือของกองทัพเรือ ค้นหาบริเวณใกล้ฝั่ง ร่วมกับเรือประมงพื้นบ้าน

นอกจากนี้ เรือหลวงทองหลาง และเรือหลวงหัวหิน พร้อมกำลังพล และนักประดาน้ำ วางแผนนำร่างผู้สูญหายอีก 1 ราย ที่ติดอยู่ในซากเรือ โดยนักประดาน้ำ ได้นำอุปกรณ์เสริมจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต 4 รายการ เป็นเครื่องดูดทรายเพื่อเป็นอุปกรณ์เสริมในการพลิกเรือ ส่วนการยกเรือให้ตั้งขึ้น จะใช้เรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต และเรือเครนของกองทัพ

นายนรภัทร กล่าวว่า จะบูรณาการการค้นหาผู้สูญหายร่วมกับ จ.กระบี่ และ พังงา ค้นหาขยายจากเกาะภูเก็ต ครอบคลุมถึงเกาะพีพี และจ.พังงา ในรัศมีที่คาดว่าผู้ประสบภัยจะถูกพัดไปตามกระแสน้ำ และทิศทางลม โดยใช้อากาศยานจากทั้ง กองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรือ 1 ลำ เรือเอกชน 2 ลำ

ด้านนายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ส่งเจ้าหน้าที่จีนเข้าร่วมตรวจสอบสาเหตุเรือล่ม ร่วมกับทางการไทย เพื่อหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เบื้องต้น แจ้งข้อหากัปตันเรือยอร์ช ซีเรเนตต้า และ เรือฟินิก แต่ทั้ง 2 คน ยังให้การปฏิเสธ นอกจากนี้ เรียกพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำแล้วหลายปาก ส่วนจะมีการแจ้งความกับเจ้าของเรือ ไกด์ และลูกเรือ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

นอกจากนี้ ทางการจีน ยังได้ส่งทีมแพทย์มาสมทบกับทีมนักประดาน้ำไทย ในการค้นหาผู้สูญหายด้วย

**เรือ1ลำเป็นเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ**

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการค้นหานักท่องเที่ยวที่ยังสูญหาย จะดำเนินการอย่างเต็มที่ และในส่วนของการกู้ซากเรือฟินิกซ์ น่าจะทำได้แล้วเสร็จ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับคนขับเรือ และบริษัทเรือแล้ว ฐานทำการประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต

นอากจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเรือทั้ง 3 ลำ ประกอบด้วย เรือฟินิกซ์ ทีจีไดวิ่ง ที่ล่มตรงเกาะเฮ เรือซีเรนาต้า ที่ล่มตรงเกาะไม้ท่อน-เกาะเฮ และ เรือเจ็ตสกี ที่ล่มตรงเกาะราชา ทำให้พบว่าเป็นเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน และมั่นใจแล้วว่า ที่แน่ๆ แล้ว 1 ลำ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ประกอบกิจการทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ถูกจับกุมยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้

สำหรับนายทุนชาวจีน มีข้อมูลว่าได้เข้ามาแพร่อิทธิพลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยในอดีต มีการให้คนไทยถือครองสิทธิ์เป็นนอมินี ทำกิจการทัวร์ในลักษณะศูนย์เหรียญ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจ โดยการเช่าเรือสำราญ หรือเรือยอชต์ ทำธุรกิจให้บริการไดวิ่ง หรือธุรกิจดำน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังโพสต์ ข้อความในสังคมออนไลน์ด้วยว่า พอกันที สำหรับนอมินีข้ามชาติ สร้างความเสียหายให้ "เมืองภูเก็ต" ต่อเนื่องยาวนาน ได้เวลาขุดรากถอนโคน คนภูเก็ตจะได้มีที่ทำกินโดยไม่ต้องมีต่างชาติมาเบียดเบียน คนภูเก็ต หรือใครก็ตามที่มีเบาะแสพวกนอมินีข้ามชาติ ร้องเรียนเข้ามาเลย 24 ชั่วโมง ในเพจ "สุรเชษฐ์ หักพาล"

ขณะที่ นายเกษมสันต์ วีระกุล นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญ ด้าน AEC ได้โพสต์ข้อความว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากบริษัททัวร์ ฝ่าฝืนคำเตือนจากตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งระบุชัด ห้ามน้ำเรือออกจากฝั่ง เนื่องจากสภาพอากาศและคลื่นลมทะเลอยู่ในขั้นวิกฤต ส่งผลให้เรือล่มกลางอันดามัน นักท่องเที่ยวต่างชาติสูญหายหลายสิบชีวิต

"ความจริงที่เจ็บปวดของการท่องเที่ยวภูเก็ต คนจีนใช้ นอมินี (คนไทย) จดทะเบียนเป็นเจ้าของ โรงแรม เรือ รถบัส ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก คนจีนมาเที่ยวเยอะ แต่รายได้เข้ากระเป๋าคนจีนหมด แม้แต่ไกด์ยังใช้คนจีน คนไทยไม่ได้อะไรเลย นอกจากทรัพยากรถูกทำลาย ทำธุรกิจมักง่าย เอาแต่ได้ เกิดอุบัติเหตุมีคนตาย ประเทศไทย คนไทย ธุรกิจไทยเสียหาย ต้องเอาผิดให้หนัก ทั้งคนจีน นอมินี และหน่วยงานที่ปล่อยปละละเลย"

**“บิ๊กตู่”ลงภูเก็ตวันนี้ ก่อนบินไปถ้ำหลวง
มีรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางไปจ.ภูเก็ต เยี่ยมผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุเรือล่มดังกล่าว

จากนั้น นายกฯ มีกำหนดการเดินทางขึ้นเครื่องบินไป จ.เชียงราย ต่อทันที เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการนำเด็กออกจากถ้ำหลวง โดยนายกฯ จะออกจาก บน. 6 ดอนเมือง ไปถึงศูนย์บัญชาการฉุกเฉินปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม ณ ท่าเรือท่าฉลอง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 11.30 น. ต่อจากนั้นเวลาประมาณ 16.00 -17.00 น. นายกรัฐมนตรี ไปถึงถ้ำหลวง จ.เชียงราย เพื่อติดตามการช่วยเหลือคณะเยาวชน และผู้ฝึกสอนทีมหมูป่า ทั้ง 13 คน

**นักท่องเที่ยวจีน" แฉฟ้าครึ้มตั้งแต่ออกเรือ
ขณะที่ สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า นายหวง จวิน ซง หนึ่งในผู้ประสบภัยเรือล่ม เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเรือเผชิญกับพายุฝนกลางทะเลว่า “ลูกเรือไม่ได้บอกให้ผู้โดยสารที่อยู่ในเคบินออกไปที่ดาดฟ้าเรือ จนกระทั่งเรือเริ่มเอียงไปเยอะแล้ว กว่าพวกเขาจะบอกให้ออกไปเรือก็เอียงไปข้างหนึ่งแล้ว คนก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่มีการควบคุมและวิ่งออกไปทางที่เรือเอียงต่ำ ทำให้เรือยิ่งเอียงมากกว่าเดิมและเริ่มมีน้ำไหลเข้ามา จากนั้นเรือก็จมลง น้ำก็ไหลเข้ามา ผู้โดยสารบางคนเข้าไปหลบในเคบิน”

ส่วนนายหวงนั้น เป็นหนึ่งผู้โดยสารที่อยู่ด้านนอกเคบิน เขาเล่าว่า พวกเขาปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดของเรือ บางคนก็เลือกกระโดดลงน้ำ และจังหวะนั้นเองลูกเรือก็เริ่มปล่อยเรือชูชีพ

“ตอนเราออกจากฝั่งอากาศยังดีอยู่ แต่ตอนขากลับ เราเจอกับคลื่นลูกใหญ่จำนวนมาก พวกเขารู้ว่าอากาศไม่ดี แต่ทำไมยังจะออกจากฝั่ง”นายหวง กล่าว

ด้านนายหลินหงเจิ้ง ผู้รอดชีวิตอีกหนึ่งราย ระบุว่า “ตอนเราออกจากฝั่ง เมฆครึ้มก็อยู่ข้างหลังเราแล้ว”เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า “มีเมฆครึ้มตอนขากลับใช่ไหม?" นายหลินตอบว่า “มีเมฆครึ้มมาตั้งแต่ตอนเราขึ้นเรือแล้ว เราก็ได้แต่ทำตามที่พวกเขาว่า หลังจากนั้นก็นั่งเรือกันไปประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้โดยสารในเคบินต่างกลัวคลื่นที่ซัดสูง เพราะคลื่นพวกนั้นสูงเท่าตึกได้ ตอนผมขึ้นไปที่ชั้น 2 ของเรือ บนชั้น 2 ก็เต็มไปด้วยน้ำแล้ว ส่วนชั้น 1 มีหน้าต่างกระจกปิดอยู่จึงไม่มีน้ำเข้าไป”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนั้นรู้สึกอย่างไร นายหลินตอบว่า “ไร้ที่พึ่งครับ เวลาอยู่กลางทะเลเราไม่มีทางทำอะไรได้เลย”

นายหลินระบุว่าเมื่อไกด์บอกให้ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ ก็เริ่มมีผู้โดยสารร้องไห้ ตะโกน ส่วนเขาปีนออกจากเคบินขึ้นไปบนชั้น 2 ได้หลังจากเรือเริ่มจมแล้ว และเขาก็หาใครไม่เจอเลย ทุกอย่างก็โกลาหลมาก

นายหลินจำไม่ได้ว่าเขาลอยคออยู่กลางทะเลนานเพียงได้ จำได้แต่เพียงรู้สึกว่านานมาก และหนาวมาก เพราะลมในทะเลหนาวเย็น และฝนก็ตกจนเขาตัวสั่นไปหมด
ขณะที่ นายเติ้งหลานชิ่ง ชาวจีนวัย 57 ปี จากเมืองจินหัว มณฑลเจ้อเจียง ที่เดินทางมาเที่ยวที่ภูเก็ตพร้อมกับครอบครัว จำนวน 5 ชีวิต ประกอบด้วยภรรยา ลูกสาว ลูกเขย และ หลานสาววัย 18 เดือน โดยทุกคนเสียชีวิตในเหตุการณ์เรือล่มทั้งหมด เหลือเพียงเขาคนเดียว ที่รอดชีวิต

นายจินหัวเล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาล ว่า ตอนที่เกิดเหตุ ตนกับภรรยาพยายามเอาชีวิตรอดอยู่นั้น ภรรยาได้รับบาดเจ็บ โดยตนพยายามดึงตัวเธอไว้ แต่เธอบอกว่า เธอจัดการตัวเองได้ ไม่ต้องมาคอยช่วยเธอ ซึ่งนี้คือข้อความสุดท้ายระหว่างเขาและภรรยา

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของข้อความอันน่าสะเทือนใจคือ "นี่คือเสื้อผ้าของหลานสาวของผม นี่คือของเล่นที่เขาชอบเล่น ส่วนอันนี้เป็นของลูกเขย ผมอยากเป็นคนใส่ให้เขา และอันนี้ของลูกสาว เหลืออยู่เท่านี้ อันนี้ของภรรยาผม ผมต้องเตรียมเสื้อผ้าให้พวกเขาทุกคน เพราะตอนนี้เหลือแค่ผมตัวคนเดียว"


กำลังโหลดความคิดเห็น