“ประยุทธ์” ไม่แคร์ถูกมองให้ท้าย “พลังประชารัฐ” ซัดยังไม่คลอดเป็นพรรค แต่มาวิจารณ์กันขรม ย้ำทุกพรรคเท่ากัน ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ลั่น “ไทยนิยม-ประชารัฐ” ไม่คิดปูทางการเมืองตัวเอง ชี้เลือกตั้ง ปชช.ตัดสินเองอยู่ที่แรงศรัทธา
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.10 น. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีอดีตนักการเมืองออกมาโจมตีและข้อเรียกร้องให้ตรวจสอบรองนายกรัฐมนตรีที่เคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มสามมิตรที่ประกาศสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่าจะโจมตีตนเรื่องอะไร ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐยังไม่ประกาศออกมาเลย เป็นเพียงการจองชื่อไว้เฉยๆ ตนคิดว่าการพูดคุยในวันนี้ถือว่ามีอิสระเสรีมากพอสมควร ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็มีการพูดคุยกันตลอด จะให้แต่นักการเมืองคุยกันข้างเดียวหรือ ดังนั้น ทุกคนมีสิทธิ ประชาชนอยากพูดก็พูดมา อะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เราก็ผ่อนผันให้อยู่แล้ว การดำเนินการอย่ามองว่าได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จะได้เปรียบเสียเปรียบตรงไหน
“หลายคนบอกว่าโครงการไทยนิยม โครงการประชารัฐได้เปรียบ ทั้งที่โครงการนี้เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการหรือการทำงานที่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง มันไม่ใช่ แต่ผมต้องการที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล ซึ่งให้งบประมาณไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี และปีนี้ก็ต้องลงอีกครั้ง ในส่วนของหมู่บ้านโดยประชาชนเป็นผู้กำหนดว่าจะทำอะไร ไม่ใช่ว่ารัฐบาลเอาไปให้เพื่อให้เขารักผม มันไม่ใช่ แต่เป็นการแก้ปัญหาในพื้นที่เพื่อลดความเดือดร้อน สร้างห่วงโซ่ของเขาขึ้นมาในพื้นที่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่จะต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่ถูกระบุถึ ในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะต้องพูดอะไรกับนายสมคิด คงไม่ต้องพูดอะไร ตนยังไม่รู้เลยว่าพรรคไหนเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่ามี 79 พรรคและกกต.ก็ยังไม่ได้รับรองทั้งหมด เพียงแต่เป็นการจองชื่อ ยื่นหนังสือขอจดทะเบียนเฉยๆ รอให้เขาประกาศมาก่อน วันข้างหน้ายังอีกยาวไกลหลายเดือนค่อยมาว่ากัน ขณะนี้ยังทำงานอยู่
เมื่อถามว่า คาดหวังอะไรกับปรากฏการณ์ความสามัคคีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะดีขึ้น ทุกคนต้องตั้งความหวัง แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความศรัทธาของพวกเรา ถ้าเราเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกับรัฐบาลในวันนี้ก็จะนำไปสู่รัฐบาลที่ดีในวันหน้าไม่ใช่หรือ ดังนั้น ตนถึงบอกว่าการไปช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมี อยู่ที่แรงศรัทธาของพวกเรา ถ้าเรามั่นใจว่าเขาปลอดภัย เขาก็ต้องปลอดภัย เราเชื่อมั่นว่าคนของเราจะช่วยเขาได้ก็ต้องช่วยได้
“คิดว่าการเมืองก็เหมือนกัน ถ้าทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองเก่าหรือใหม่มาร่วมมือกัน ไม่ว่าพรรคอะไรจะเกิดขึ้น มันอยู่ที่ประชาชนจะเลือกมาและหลายคนก็มีสิทธิที่จะได้รับการเลือกตั้งมา ตราบใดที่เขายังไม่ได้กระทำผิดกฎหมายหรือติดคดีใดๆ เขาก็มีสิทธิที่จะได้รับการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งมาแล้วเขาตั้งใจจะร่วมพัฒนาบ้านเมืองใหม่หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ เขาก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอยู่ดี ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม ถือว่าเท่ากันหมด และวันนี้หลายพรรคก็พูดกันขรมไปหมดทุกวัน ผมก็ฟังทุกวัน อย่าไปจับกันไป มา ผมต้องอยู่ตรงกลางให้ชัดเจน”
เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐ นายกฯ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเขาคลอดมาหรือยัง ตอนนี้ยังมีแต่ชื่อและตนไปเกี่ยวอะไรกับเขา สื่อไปเอาสิ่งที่เขาอ้างมาถามตน แล้วตนจะตอบอะไรได้ เขาอ้างก็ต้องไปถามคนอ้างโน่น เขาสามารถพูดคุยกันได้ ตนเจอนักการเมืองก็พูดคุยกับเขาได้ แล้วตนจะผิดตรงไหน ตนก็คุยกับทุกพรรค เจอตนก็ทักทายตนก็ยกมือไหว้ อดีตรัฐมนตรีตนก็ยกมือไหว้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อรู้จักกันก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ดังนั้นวันนี้ต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้บ้านเมืองถึงจะสงบเรียบร้อย เข้าใจหรือไม่