ข่าวปนคน คนปนข่าว
**วาระผองไทยรอคอย!! “บิ๊กตู่”ยืนยันจัดเลือกตั้งหลัง “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”คนไทยควรรู้สึกยินดี ที่กำลังจะมี “พระราชพิธีมหามงคล”ในเร็ววัน โอกาสดีที่คนไทยจะได้ร่วมแรงร่วมใจแสดงพลังสมัครสมานสามัคคีกันอีกครั้ง
เข้าใจตรงกันนะ .. “สิ่งสำคัญที่สุดที่ คสช. กำลังพิจารณาอยู่คือ การเตรียมการไปสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”คำกล่าวของ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา .. ไม่ต้องตีความให้วุ่น เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า เลือกตั้งจะเกิดขึ้นหลัง “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”อย่างแน่นอน .. ก่อนที่แต่ละฝ่ายจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ต้องให้ “ความเป็นธรรม”กับ “นายกฯตู่”ด้วย ไม่ควรตั้งแง่ว่า เป็นการตั้งเงื่อนไข เพื่อเลื่อนโรดแมปการเลือกตั้งแต่อย่างใด .. เพราะเมื่อถอดรหัส “ระหว่างบรรทัด”ก็ไม่มีวรรคตอนไหนที่บอกว่า การเลือกตั้งจะเลื่อนไปจากเดิม.. และแทนที่จะ“ระคนสงสัย”ว่าเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้ง ควรจะรู้สึก “ยินดี”มากกว่า ที่ประเทศไทยกำลังจะมี “พระราชพิธีสำคัญ”ในเร็ววันนี้ .. อันจะเป็น “วันมหามงคล”ที่คนไทยจะได้ร่วมแรงร่วมใจแสดงพลังสมัครสมานสามัคคี เฉกเช่นเดียวกับบรรยากาศ ในช่วงที่มีการจัดพระราชพิธีสำคัญก่อนหน้านี้
**อิสรภาพชั่วคราว!! “อ้ายปึ้ง” รอดเข้าปิ้งชั่วคราว ลุ้นอุทธรณ์คดีคืนพาสปอร์ต “นายใหญ่”ส่อซ้ำรอย “สมุนแม้ว”จบไม่สวยซักราย กลัวจะได้ติดปีกหนีไปอยู่กับ “นายใหญ่ - นายปู”ที่เมืองนอกซะละมั้ง
เคราะห์ยังดี .. “อ้ายปึ้ง”สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่ไม่ต้องหอบสังขาร 65 ปีเข้าไปนอนในปิ้ง จากความผิดเมื่อครั้งได้ดีเป็น รมว.ต่างประเทศ แล้วประเคนพาสปอร์ตให้ “นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร .. หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา .. เป็น “กรรมเก่า” ที่ใช้อำนาจในฐานะ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือฤกษ์ดี 1 มกราคม 2554 คืนพาสปอร์ตให้กับ “ทักษิณ”เป็นของขวัญปีใหม่ .. ทั้งที่ “ทักษิณ”มีหมายจับในคดีก่อการร้าย และคดีอื่นๆ และยังถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ .. เป็นคดีเดียวกับที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 .. โดย ป.ป.ช. ชี้ว่า ขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 และถูก สนช. ถอดถอนไปก่อนหน้านี้ .. คำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ก็สอดคล้องเป็นไปในทำนองเดียวกับสำนวนจาก ป.ป.ช. โดยมีเพิ่มเติมด้วยว่า เป็นพฤติการณ์ช่วย “ทักษิณ”หลบหนี และบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย .. ในชั้นนี้ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา .. แม้จะมีออปชั่นให้ลุ้นอีกเฮือก แต่หากดูทิศทางลมที่ชะตากรรม “สมุนแม้ว”จบไม่สวยซักราย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ น่ากลัวจะได้ติดปีกหนีไปอยู่กับ “นายใหญ่ - นายปู”ที่เมืองนอกซะละมั้ง
**อวสานโลกสวย!! ประหารนักโทษเด็ดขาดครั้งแรกในรอบ 9 ปี ก่อนเข้าสถานะ “ประเทศที่ไม่มีโทษประหาร” ตามล็อกปฏิญญาสากล “เอ็นจีโอ” เด้งจัด “อีเวนท์”ค้าน “บิ๊กป้อม”รู้ทัน ตวาดอย่าโยงการเมือง โซเชียลประสานเสียงต้องมีโทษประหาร ยก“คดีไอ้โหด-ไอ้เหี้ยม”จะเปลืองภาษีขุนให้เป็น“อนาคตของชาติ”หรือไง
ครั้งแรกในรอบ 9 ปี .. เมื่อ “กรมราชทัณฑ์”บังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ให้ประหารนักโทษเด็ดขาด โดยวิธีการฉีดยา 3 เข็มเพื่อทำให้หัวใจหยุดเต้น .. เป็นผู้ต้องหาฆ่าโดยใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าบริเวณร่างกายกว่า 20 แผลนักเรียนชั้น ม.5 ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพียงเพื่อชิงโทรศัพท์มือถือกับเงินแค่ 2 พันบาท .. เหตุการณ์เกิดตั้งแต่เดือน ก.ค. 55 ที่ จ.ตรัง ผ่านมา 6 ปีกับ 3 ศาล ต้น-อุทธรณ์-ฎีกา ที่ชี้ตรงกันว่า “ประหารสถานเดียว” .. การประหารนักโทษเด็ดขาดครั้งนี้ มี “นัยเล็กๆ”ตรงที่เหลืออีกเพียง 14 เดือน ที่จะครบ 10 ปีที่ไทยไม่มีการใช้โทษประหาร .. ซึ่งจะเป็นการบรรลุปฏิญญาสากล ส่งผลให้ไทยจะมีสถานะเป็น “ประเทศที่ไม่มีโทษประหารในทางปฏิบัติ”โดยอัตโนมัติ .. การประหารนักโทษในช่วงเวลานี้ ก็เสมือนแสดง “จุดยืน” ของประเทศไทย .. ดังที่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่า “ประเทศไทย ยังจำเป็นต้องมีโทษประหารชีวิต ต่อไป แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นบทเรียนเตือนใจ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นความต้องการของประชาชนด้วย” ..
หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็ทำให้เกิด "ข้อถกเถียง" เกี่ยวกับโทษประหารชีวิตในสังคมไทย-สังคมโลกขึ้นอีกครั้ง .. เปิดหัวด้วย “องค์กรโลกสวย”อย่าง สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (OHCHR)ที่ออกแถลงการณ์แสดงเสียใจอย่างยิ่งต่อการประหารชีวิต .. พร้อมตำหนิรัฐบาลไทยที่ไม่ดำเนินการตาม “คำมั่น”ที่จะยกเลิกโทษประหารชีวิต ที่เคยให้ไว้ในเวทีโลก .. ก็เจอเสียงตอบโต้กลับจากคนไทยไปพอสมควร ประมาณว่า “ไม่สิ ไม่เผือกสิ”เลยเถิดไปถึง “ดราม่า”ในโลกโซเชี่ยลฯ ที่มีความเห็นไปทั้ง 2 ทาง เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย .. ที่วิจารณ์กันหนัก คงเป็น “ขาประจำ”อย่าง “แอมเนสตี้ประเทศไทย”ที่ได้ทีจัด “อีเวนท์” เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับ “นักโทษประหาร”หน้าเรือนจำบางขวางทันที .. ก็เลยมีเสียงคำรามจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย” พร้อมดักคอว่า อย่านำไปบิดเบือน-เชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง เหมือนรู้ “นัยซ่อนเร้น” ของการเคลื่อนไหวภายใต้หมวก “แอมเนสตี้”..
ขณะที่เสียงวิพากษ์ในสังคมไทย ก็ดูจะหนักไปทาง “ไม่เห็นด้วย”ที่จะยกเลิกโทษประหาร .. โดยมองกันว่า ความไม่เด็ดขาดของบทลงโทษทางกฎหมาย ส่งผลให้อาชญากรรมการกระทำผิดไม่ลดลง อีกทั้งไม่มีความจำเป็นที่ต้องสูญเสียภาษีไปเลี้ยงดู “ไอ้โหด-ไอ้เหี้ยม”ที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ต้องขังในเรือนจำ .. มีการยกคดีดังหลายคดี ไม่ว่าจะคดีผู้ชายที่ถูกแทงชิงไอโฟน คดีครูอิ๋วถูกฆ่าปาดคอ หรือ คดีน้องแก้มถูกฆ่าตายโยนรถไฟ .. หรือ ล่าสุดกับคดีกรอกยาบ้า-เรียงคิวข่มขืน “เด็ก 8 ขวบ”ก่อนทิ้งเหยื่อไว้ข้างทาง แบบนี้จะขุนให้กลับมาเป็น “อนาคตของชาติ”หรือยังไง
**ดรีมทีม สาม ส.!! “พรรคพลังประชารัฐ”พลิกเกมเปลี่ยนม้ากลางศึก ดึงมืออาชีพ “สมศักดิ์ - สุริยะ”ร่วมตั้งไข่พรรค ทำให้ “ขาใหญ่เพื่อไทย”สะดุ้ง ส่ง “ภูมิธรรม”ออกโรงขวาง ยกวลีแรง “รับเงินหมา กาเพื่อไทย”ห้ามเลือดที่กำลังไหลไม่หยุด
มีสั่นให้เห็นเหมือนกัน .. น้ำเสียงแปร่งๆ ของ “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาฯพรรค ต่อการประกาศตั้ง “กลุ่มสามมิตร” .. ที่มี “อดีตคนกันเอง” อย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ - สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นตัวตั้งตัวตี กับภารกิจดูด “อดีตผู้แทน” เข้าคอก “พรรคพลังประชารัฐ” .. น่าสนใจว่า ที่ผ่านมายามเผชิญ “พลังดูด คสช.” ไล่ตกเขียวลูกพรรค แต่ “ขาใหญ่เพื่อไทย” ก็ยักไหล่คล้ายว่า ไม่ค่อยแคร์เท่าไร .. แต่พอมี “กลุ่มสามมิตร” ขึ้นมา ก็มีท่าทีที่แปลกออกไปทันที จับอาการได้จากการส่ง “มวยหลัก”อย่าง “เสี่ยอ้วน” ออกมาโจมตีว่าเป็น “การเมืองน้ำเน่า”.. พร้อมยกวลีแรงๆ ”รับเงินหมา กาเพื่อไทย” เพื่อขู่ลูกพรรคที่คิด “ขายตัว” ประมาณว่า “สอบตกแน่” ..
จากที่เคยดูเบา “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ออกจากแท่นสตาร์ทไม่ค่อยสวย ติดๆ ขัดๆ ปัญหาหลายด้าน .. จนเกิดความอึมครึมในกลุ่ม “คีย์แมนของพรรค” ที่หลักๆมาจาก “ทีมเศรษฐกิจ” ของ คสช. กลายเป็นความไม่ชัดเจนที่ทำให้ลดความดึงดูดเหล่า “นักการเมือง - นักเลือกตั้ง” ไม่น้อย .. ก่อนที่จะมีการตกผลึกกันภายในว่า “แกนหลัก” ที่เซตให้เป็นคนขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่สันทัดงานการเมือง-แผนเลือกตั้ง เท่าที่ควร .. นำมาซึ่งการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ดึงเอา “มืออาชีพ” เข้ามาร่วมตั้งไข่ “พรรคสีเขียว” พรรคนี้ .. เป็นที่มาของการเปิดตัว “สมศักดิ์” ในฐานะมือวางงานประชานิยมต้นๆ ของประเทศ ครั้งหนึ่งเคยออกไอเดียโปรเจกต์ “โคล้านตัว” ที่กระแทกใจคนเหนือ-คนอีสาน อย่างแรง จนทำให้ “พรรคทักษิณ”เข้าป้ายอย่างสบายๆ มาแล้ว .. ตามมาด้วยคู่หู “สุริยะ” ที่เป็นสัญลักษณ์ของ “นายทุนใหญ่”ที่มีเครดิตสูง เคยเลี้ยงดูปูเสื่อ ส.ส.ไทยรักไทย จนอิ่มหนำ สมัยเป็นเลขาฯ พรรคไทยรักไทย .. ผสานกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เศรษฐกิจ ที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่จะเป็นการ “วางมัดจำ”เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งหนหน้า .. สามประสาน “สามมิตร - สาม ส.” นี่เอง ที่ทำให้ “ขาใหญ่เพื่อไทย”เริ่มคิดหนัก ต้องหาทางแก้เกม สกัดเลือดที่กำลังไหลออกไม่หยุด.
ช.ชฎา