xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งสาวยิ่งเน่า!! เปิดสัมพันธ์ “พิสิฐชัย” ซี้ปึ้ก “อดีตพระพรหมสิทธิ-อดีตพระพรหมเมธี” ผู้ต้องหาเงินทอนวัด **เจตนาไม่บริสุทธิ์ !? แก้ปัญหา “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน **โมเดลเอื้อนายทุน!! “ธีระชัย” ลากไส้อีกขด “ธุรกิจ LPG” โกยกำไรเละ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ยิ่งสาวยิ่งเน่า!! เปิดสัมพันธ์ “พิสิฐชัย” ซี้ปึ้ก “อดีตพระพรหมสิทธิ-อดีตพระพรหมเมธี” ผู้ต้องหาเงินทอนวัด ได้ดีในราชการ จากแรงหนุน “ฝ่ายสงฆ์” แถมมี “ไอ้โม่ง”ร่วมอุ้มชู คนเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังปลด “พงศ์พร”ก่อนยัดแฟ้มตั้ง “พิสิฐชัย”เป็น ผอ.สำนักพุทธฯ ยังดี “นายกฯตู่”สั่งคว่ำนาทีสุดท้าย ก็ไม่รู้ว่า“รองฯวิษณุ”ที่ได้ชื่อว่า “ศิษย์เอกภูเขาทอง”จะรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือเปล่า

ดังเป็นพลุแตก .. พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) .. มือโพสต์ข้อความโยง “สมภารวัดดัง”ว่ากำลังจะถูกเล่นงานใน “คดีเงินทอนวัด”จนถูกเด้งออกจากตำแหน่ง ตามมาด้วยถูกดำเนินคดีฐานทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ .. ด้วยทั้ง “ดีเอสไอ” และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รู้ตื้นลึกหนาบางกันมาก่อนอยู่แล้ว .. พอแหลมออกมา ก็เลยได้ทีฟาดเข้าให้ ด้วยเจตนามันชัด สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ระหว่าง“ฝ่ายสงฆ์” กับ “ฝ่ายรัฐ” .. แล้วพอขุดคุ้ย ร่องรอยในอดีต ก็ยิ่งเข้าเค้าว่าอาจจะเป็น “สายลับ” ที่ “มาเฟียผ้าเหลือง” ส่งมาฝังตัวเป็นข้าราชการก็ได้ .. ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ข้อความหลายครั้ง ที่ดูจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “วัดดัง”ที่ถูกแจ้งความผิดปกติในคดีเงินทอนวัด ..
พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร, อดีตพระพรหมเมธี และ วิษณุ เครืองาม
อย่างการน้อมรำลึกในโอกาสครบ 90 ปี ชาตกาล “สมเด็จเกี่ยว” สมเด็จพระพุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร .. หรือการโพสต์ถึง “ป๋าจำนงค์” อดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสววัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร .. กระทั่งภาพที่ “พิสิฐชัย”นำครอบครัวเข้ากราบปีใหม่ที่ผ่านมา กับ 2 ผู้ต้องหา คดีร่วมกันฟอกเงินคนสำคัญ .. ทั้ง “อดีตพระจำนงค์”รวมทั้ง “ทิดธงชัย”อดีตพระพรหมสิทธิ ในช่วงที่ยังห่มเหลืองเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ยืนยันความแน่นปึ้กกับ “เครือข่ายสงฆ์ซีกนี้”ได้เป็นอย่างดี .. หากแต่การที่ “พิสิฐชัย”เจริญก้าวหน้าในทางราชการ จนมาถึงระดับ “ซี 8” ได้นั้น เชื่อว่าแค่มี “พระนำ”คงไม่พอ ต้องมี “โยมอุปัฏฐาก”เกื้อหนุนในทางโลกอยู่อีกแรง คอยจัดแจงปูทางให้เข้ามาเป็น “สปาย” แทรกซึมในวงราชการ ได้อย่างแนบเนียน .. เส้นทางในอดีตยังขมุกขมัว แต่ที่น่าสนใจก็เมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีการปลด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ออกจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) .. ชื่อของ “พิสิฐชัย” เกือบได้ บายพาสจาก “ซี 8” ขึ้นไปเป็น “ซี 10” ในตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธฯ .. โดยที่ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักพุทธฯ ในขณะนั้น ดูเหมือนจะไม่รู้คำสั่งปลด “พงศ์พร” หรือการแต่งตั้ง ผอ.สำนักพุทธฯ คนใหม่แต่อย่างใด .. “รมต.ออมสิน”เคยให้สัมภาษณ์ประมาณว่า เรื่องปลด “ผอ.พงศ์พร” เป็นการปรึกษากันแค่ 2 คน คนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนอีกคนคือ “ศิษย์เอกภูเขาทอง” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี .. หลังจากนั้นไม่นาน ว่ากันว่าแฟ้มคำสั่งแต่งตั้ง “พิสิฐชัย”เป็น ผอ.สำนักพุทธฯ ถูกยัดใส่มือ “นายกฯตู่” แล้วด้วยซ้ำ .. ยังดีที่ “นายกฯตู่” ไม่ตามน้ำ ตีกลับในนาทีสุดท้าย แล้วให้โยก มานัส ทารัตน์ใจ จากอธิบดีกรมศาสนา มาขัดตาทัพแทน .. ป่านนี้ คนในรัฐบาล คงรู้แล้วว่า ใครคือ “ไอ้โม่งจอมบงการ” ที่ชงชื่อ “พิสิฐชัย”ที่เหมือนยื่นหอกให้ “นายกฯตู่”.
 บ้านป่าแหว่ง
** เจตนาไม่บริสุทธิ์ !? แก้ปัญหา “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เหตุ “เจ้าของโครงการ”เตะถ่วงทุกขั้นตอน กีดกัน “ภาคประชาชน”ที่เป็นกรรมการร่วมเข้าสำรวจพื้นที่ ส่อเจตนา “ลากถ่วง”เหมือนหวังเล็กๆ ว่าอาจจะได้เข้าอยู่ ระวังเจอข้อหาขัดคำสั่งนายกฯ ยิ่งกระทบภาพลักษณ์ “องค์กรตุลาการ”

คลาดเคลื่อนเล็กน้อย .. มีการยืนยันจาก “คนในพื้นที่”ระบุว่า “แสงไฟแยงตา” ที่ปรากฏ ณ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”บ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ตีนดอยสุเทพ .. เป็นเพียง “การเทสระบบไฟ”ของผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีกำหนดส่งมอบโครงการกัน ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ .. เท่ากับว่า ไม่มีใครเข้าไปพักอาศัยใน “พื้นที่ต้องห้าม” บ้านพัก 45 หลัง อาคารสำนักงาน 9 หลัง อย่างที่เข้าใจกัน .. แต่ก็หมายความว่า ยังมีการก่อสร้างต่อ แม้ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีคำสั่งว่า ห้ามเข้าใช้ประโยชน์เด็ดขาด และให้ตั้งคณะทำงานร่วมหลายฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหา .. มองในแง่ดี ก็อาจ เป็นการทำตาม “พันธะสัญญา” ระหว่างเอกชน-รัฐ ทำงานให้เสร็จตามข้อตกลง จะได้ไม่ต้องมาฟ้องร้องกันภายหลัง .. ในทางกลับกัน มองด้วย “ความหวาดระแวง” ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จะสร้างกันต่อเพื่ออะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่า ไม่ได้ใช้เป็นบ้านพักอย่างแน่นอน .. แล้วก็กลัวใจ “เจ้าของโครงการ” ที่อาจจะยังหวังลึกๆ ว่า จะได้เข้าไปใช้บริการ “หมู่บ้านหรูตีนดอย” ..
 สวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ และ บัณรส บัวคลี่
ยังมีความไม่ชอบมาพากลตามมาอีก เมื่อจนป่านนี้ “เจ้าของโครงการ” ซึ่งก็คือ “สำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5” ดูเหมือนยังพยายามกีดกัน “ภาคประชาชน”ไม่ให้เข้าพื้นที่ ตามที่ “เดอะโต” บัณรส บัวคลี่ โฆษกเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ระบุ .. สำคัญตรง “ภาคประชาชน”ก็ไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือย มีหมวกเป็น คณะอนุกรรมการศึกษาดำเนินการส่วนของสิ่งปลูกสร้าง ที่คณะกรรมการชุดใหญ่ตั้งขึ้น .. เพื่อวัตถุประสงค์ ในการสำรวจพื้นที่เตรียมการฟื้นฟูให้ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”กลับคืนสภาพเป็น “ป่าสมบูรณ์” .. และก่อนหน้านี้ก็มีการเปิดเผยว่า จนป่านนี้ “เจ้าของโครงการ” ยังยื้อยุดไม่ยอมส่งเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการให้กับ “คณะกรรมการชุดใหญ่” เลย .. กระทบชิ่งไปถึงกระบวนการถ่ายโอนพื้นที่ คืนให้กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตามข้อตกลงตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา .. เท่ากับว่า กว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอัน จะมีก็แต่ข้าราชการศาลกว่า 30 ครอบครัว ย้ายสำมะโนครัวเข้าตั้งรกรากแล้วใน “พื้นที่ด้านล่าง” .. เตือนหลายหนแล้วว่า ยิ่ง “ลากถ่วง”ก็ยิ่งสร้างความหวาดระแวงให้กับกลุ่มที่ต่อต้าน อันกระทบภาพลักษณ์ของ “องค์กรตุลาการ”ที่อาจจะถูกตีความว่า “เจตนาไม่บริสุทธิ์” ตลอดจน “จงใจขัดคำสั่งนายกฯ” ทำให้เสียหายไปกันใหญ่ .. เหตุขัดข้องทางเทคนิคที่ “ภาคประชาชน” ร้องทักนั้น เกิดจากอะไร .. คนที่ตอบคำถามได้ดีที่สุดน่าจะเป็น สวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 คนปัจจุบัน

**โมเดลเอื้อนายทุน!! “ธีระชัย” ลากไส้อีกขด “ธุรกิจ LPG” โกยกำไรเละ เหมือนโมเดล “ธุรกิจโรงกลั่น” หลัง “รัฐบาลลุงตู่” ปรับนโยบายลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม อ้างราคานำเข้าจากตะวันออก จนราคาขายในประเทศพุ่งกระฉูด เพิ่มภาระให้ประชาชน แต่ “โรงแยกก๊าซ” ยิ้มกริ่ม ปีเดียวกำไรพุ่งเกือบ 2 หมื่นล้าน

ยังมีอีกหลายขด .. ลากไส้ต่อเนื่อง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กับประเด็นความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับ “ราคาพลังงาน” ที่ขายภายในประเทศ .. ล่าสุดตั้งคำถามดังๆ ว่า ทำไม “รัฐบาลลุงตู่” ถึงไม่ยอมแก้ไข “สูตรค่าขนส่งน้ำมันเทียม” ที่อ้างอิงตามตลาดสิงคโปร์ .. พร้อมกางบัญชีรายชื่อบุคคลใน “รัฐบาลลุงตู่” ที่เคยเป็นบอร์ดของ “บริษัทโรงกลั่น” มาก่อนทั้งนั้น .. ตั้งแต่ตัว “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง รวมไปถึง “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว - สุวิทย์ เมษินทรีย์ - จักรมณฑ์ ผาสุกวานิช - อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” ..และขาดไม่ได้กับคนสำคัญอย่าง ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานคนปัจจุบัน .. ที่ไล่เรียงกันขนาดนี้ ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า “ครม.ประยุทธ์” รู้เห็น และเป็นใจในการเสนอนโยบาย ที่ทำให้ “ธุรกิจโรงกลั่น”ได้กำไรเกินควร และภาระตกมาอยู่ที่ประชาชนผู้บริโภค .. เปรียบเหมือน “เฉือนเลือด เฉือนเนื้อ” คนไทยไปประเคนให้ “นายทุน” ..
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถูกทักท้วง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแก้ไขอีกด้วย .. เรื่องกำไรโรงกลั่นว่าหนักแล้ว “ธีระชัย” ยังเชื่ออีกสว่า เหตุผลที่ไม่แก้ไขสูตร “ค่าใช้จ่ายเทียม” เพราะมุ่งหวังประโยชน์ใน “ธุรกิจก๊าซหุงต้ม” (LPG) ซึ่งใหญ่กว่ามาก .. กล่าวคือ การเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลในอดีต ที่เคยกำหนดเพดานขายก๊าซแก่ครัวเรือนไว้ที่ 333 ดอลลาร์ ต่อตัน เพื่อมิ “ภาคครัวเรือน”เดือดร้อน .. มาในยุค “รัฐบาลลุงตู่” ประกาศใช้การ “เปิดเสรีด้านราคา” อ้างอิงราคานำเข้าก๊าซหุงต้มจาก “ตะวันออกกลาง” แทน ส่งผลให้ราคาเริ่มต้นของครัวเรือนสูงขึ้นอย่างมาก .. “เจตนาเพื่อให้ "กลไกการค้าก๊าซ LPG” ลอกเลียนตาม “กลไกราคาน้ำมัน” .. อันเป็นผลให้ “ธุรกิจโรงแยกก๊าซ”ได้กำไรเกินควร เหมือนที่ “ธุรกิจโรงกลั่น” ได้จากราคา น้ำมันที่อิงตลาดสิงคโปร์ .. จะว่ามโนเกินไปก็ใช่ที่ เพราะ “ธีระชัย” ยกหลักฐานมาอ้างอิงด้วยว่า แค่ช่วงปี 2559-2560 กำไรของ “ธุรกิจโรงแยกก๊าซ” ก้าวกระโดดจาก 5.4 หมื่นล้านบาท ไปเป็น 7 หมื่นล้าน บาท เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 4 ของกำไรเดิม แล้วยังถือเป็นกำไรสุทธิสูงสุด นับแต่ก่อตั้ง “โรงแยกก๊าซ” ขึ้นมาอีกด้วย

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น