“ประยุทธ์” เปิดเสวนาบริหารจัดการน้ำ สั่ง สรุปการทำงาน - งบประมาณ กันบานปลายตรวจสอบยาก ลั่นเขียนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่รัฐบาลจะอยู่ยาวถึงตอนนั้น ระบุ ต้องหาแหล่งน้ำรองรับ “อีอีซี” เพิ่ม เซ็งผุดโครงการที่ไหนก็โดนว่า บอกอนาคตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง จะเกิดสงครามแย่งน้ำหรือเปล่าไม่รู้
วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการเสวนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ และมอบนโยบายให้แก่ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยนายกฯมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า วันนี้ถือว่าทุกคนมาร่วมกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน และขอให้ผู้ว่าฯ และส่วนราชการได้ไปติดตามการจัดนิทรรศการและยุทธศาสตร์ต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความเอาใจใส่ ความทันสมัย และเทคโนโลยี จะต้องทำให้เห็นว่าวันนี้ปัญหาคืออะไร และที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นแล้ว ทำอะไรมาแล้วบ้าง และมีแผนในอนาคตอย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานจะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน เหมือนกับการเล่นฟุตบอล ที่มีการนำเสนอถึงการทำงานร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับการแข่งขันของฟุตบอลโลกในขณะนี้ ซึ่งการนำเสนอของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่ของโค้ช ซึ่งก็ดูเข้มแข็งดี แต่ก็ต้องระวังกรรมการจากฟีฟ่าด้วย เพราะคนที่รับจ้างมาเป็นโค้ช ถ้าทำดีมีผลสัมฤทธิ์ก็จะได้เครดิตเพิ่มขึ้น วันข้างหน้าก็จะได้คุมทีมที่ใหญ่ขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า การจัดสัมมนาวันนี้เป็นเรื่องที่ที่ทุกฝ่ายได้มาร่วม เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์น้ำ ทั้งวันนี้ และวันข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ถ้าหากมัวแต่ล็อกตัวเองหมดทุกอย่าง ก็คงไปไม่ได้ ทั้งหมดจึงต้องมาบูรณาการงานรวมกันโดยใช้กฎหมายเป็นหลัก สิ่งใดที่ต้องแก้ไขปรับปรุง หรือต้องใช้วิธีการใหม่ๆ ก็ต้องช่วยกันคิดมา อย่าปล่อยให้ติดที่ใดที่หนึ่ง ต้องบริหารทั้งคน ทั้งงาน และงบประมาณ ไม่เช่นนั้นงบประมาณก็จะบานปลายไปเรื่อยๆอย่างที่ผ่านมา บางครั้งเกิดปัญหาซ้ำซ้อนตรวจสอบลำบาก จึงฝากให้ทุกหน่วยงานไปสรุปและหาแนวทางร่วมกัน ต้องดูว่าใครได้ประโยชน์และเสียประโยชน์เราจะต้องดูแลอย่างไร
“น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ อนาคตผมเป็นห่วงว่า ถ้าหากโลกเปลี่ยนแปลงมากๆ ไม่มีน้ำ ก็จะเกิดสงครามแย่งน้ำขึ้น อย่างประเทศไทยรอน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ถ้าฝนไม่ตกเราจะทำอย่างไร ดังนั้น รัฐบาล ข้าราชการ และประชาชนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะการบุกรุก การแก้ปัญหาทำลายป่า ทุกวันนี้ก็ยังตัดกันอยู่ทุก 10 ปี 100 ปี ลักลอบตัดกันต่อเนื่องแก้ปัญหาไม่ได้สักที บอกว่ามีนายทุน แต่ก็ไม่เห็นว่าจะจับตัวนายทุนได้สักที เราต้องจับให้ได้จริงๆ จะนายทุนไหนผมไม่รู้ต้องจับให้หมด ผมไม่เคยไปห้ามจับนายทุน ทุกวันนี้จับแต่คนยากจนที่ไปรับจ้างตัดไม้ได้ค่าแรงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ต้องใช้กฎหมายให้ถูกต้อง” นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ ภายหลังปี 2558 มุ่งไปสู่ความมั่นคงทางด้านน้ำ ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลนี้ และตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้น เราต้องทำให้เกิดการปฏิรูปด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ มีแผนแม่บท โครงการต่างๆ สื่อต้องช่วยทำความเข้าใจ เพราะมีบางส่วนไม่อยากให้สร้าง เพราะตัวเองได้รับผลกระทบ ถ้าทำไม่ได้ก็จะเสียกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม รัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งหลายครั้ง สิ่งที่รัชกาลที่ 9 ทำไว้ ดูว่าครบหรือยัง พวกเราประชาชนต้องร่วมมือ ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเข็มทิศชีวิต
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้การบริหารจัดการน้ำ มีการวางกลไกเรื่องของกฎหมาย ตั้ง สทนช. และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การบริหารจัดการน้ำภายใต้ยุทธศาสตร์ที่เรามีอยู่ บูรณาการให้มีเอกภาพ พิจารณาแผนงานที่มีผลสัมฤทธิ์ในการแก้ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ของน้ำ พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) ต้องหาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น เราพิจารณาแล้วเสริมให้ได้ในระยะเวลา 5 - 10 ปี ที่ยังไม่เกิดปัญหา ต้องทำตั้งแต่วันนี้
“หลายคนบอกทำไมนายกฯทำแต่ตรงนี้ เป็นคนชลบุรีหรือเปล่า พอไปทำอีสานนายกฯเกิดโคราชเข้าไปอีก เอ๊ะ พูดอย่างนี้มันไม่ใช่ ผมมองคนทั้งประเทศ ไม่อย่างนั้นผมจะให้มีการบริหารราชการในระดับชาติได้ยังไง ภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัด และท้องถิ่น มันต้องทำงานกันแบบนี้ วันนี้ผอ.สำนักงบประมาณต้องชัดเจนขึ้นว่า แต่ละจังหวัดมีงบเท่าไหร่ในงบปี 62 ที่ผ่านมามันต่างกันมาก ตรงนี้ได้น้อย ตรงนี้ได้มาก เพราะอะไรก็รู้อยู่แล้ว ตรงนี้ซ้ำซากได้อยู่แล้ว แต่แก้ปัญหาไม่ได้ มันเกิดอะไรในช่วงที่ผ่านมา วันนี้พยายามจะทำให้ดี แต่ไม่ได้ง่ายนักหรอก เพราะนี่คือคนมีหลายพวก หวังดีบ้าง ไม่หวังดีบ้าง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสมาร์ทซิตี้ไม่ใช่ว่าเอาคนรวยไปอยู่ถ้าไม่มีคนรวยไปทำกิจการ ไม่มีคนมีสตางค์ไปอยู่ แล้วคนจนจะไปทำอะไรกับใคร มันขาดคนตรงกลาง วันนี้มีพ่อค้า ประชาชน ข้างล่างก็มีเกษตรกรไม่มีตรงนี้แล้วมันจะไปตรงไหน วันนี้ก็แก้ด้วยระบบออนไลน์ให้ขายเอง คนที่ไปแล้วเพราะรวยแล้ว คนที่ยังไม่ไปก็ด่าอยู่นี่แหล่ะว่าจน ก็เขาทำระบบออนไลน์ให้แล้ว คุณพัฒนา รวมกลุ่มหรือยังถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็เป็นอยู่อย่างนี้ ตกขบวนอยู่แบบนี้ เป็นเหยื่อการพูดจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามประเมินผล เช่นแผนการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปีนี้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงดังกล่าว คาดการณ์ว่าค่าเฉลี่ยฝนจะน้อยกว่าปี 60 5 - 10 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจน่าจะเอาไปพิจารณาคราวหลังต้องคิดเป็น
“ไม่ใช่เข้าหน้าฝนที ไปดูวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพิธีโบราณที่ดี ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปเผยแพร่เรื่องพระโคถ่ายท้อง แทนที่จะบอกว่าน้ำน่าจะมากหรือน้อย ไอนี่บอกพระโคขี้แตก อะไรของเขา มันสร้างสรรค์ประโยชน์ตรงไหน ผมอยากจะรู้เอาสนุกอย่างเดียว สารสำคัญหาไม่เจอ แย่จริงๆ เลยนี่แหล่ะคือภัยของโซเชียล ภัยของไซเบอร์ ก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น จะทำลายหรือสร้างสรรค์” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย. นี้ มีโอกาสที่พายุจะเข้าประเทศไทย 1 - 2 ลูก ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งนี้ เรามีการวางแผนเพาะปลูกข้าวทั้งประเทศ 60 ล้านไร่ วางแผนจัดสรรน้ำเพื่อให้ทุกภาคส่วนรวม 88,700 ล้านลูกบาศ์กเมตร โดยหลังสิ้นฤดูฝนเราต้องมีต้นทุนสำหรับพื้นที่เกษตรในฤดูแล้ง ปี 61 - 62 ประมาณ 60,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร ให้มากกว่าปี 60 ประมาณ 10,910 ล้านลูกบาศ์กเมตร ข้อมูลเหล่านี้เคยรู้กันบ้างหรือไม่ เคยมีรัฐบาลไหนเอามาแจงแบบนี้บ้างไหม มันไม่หรอก เพราะไม่มีหน่วยงานอย่างนี้ พอรู้แล้วก็หัดเอาไปใช้บ้างโดยการบริหารจัดการของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดทำแผนงานปรับปรุงกระบวนการแผนงานโครงการงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนทั้งระบบ พิจารณาจากทุกแหล่งเงินทุน อยากได้ แต่ไม่มีเงินก็ลำบาก ทั้งหมดคือปัญหาประเทศไทย นอกจากนี้ ได้เห็นชอบหลักการให้ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ พ.ศ. 2550 ให้เชื่อมโยงระดับประเทศสู่ภูมิภาคผ่านการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการลุ่มน้ำ วันนี้ลุ่มน้ำสำคัญก็ต้องบริหารเร่งด่วน ต้องยึดโยงให้ได้ทั้งหมดปรับบทบาทคณะกรรมการลุ่มน้ำใหม่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการส่วนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 2558 - 2569 บางคนบอกแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ถึงปี 69 ใช่หรือไม่ ตนจะอยู่เป็นนายกฯ ถึงปี 69 ใช่หรือไม่
“จะบ้าหรือเปล่า เขาเขียนยุทธศาสตร์ยาวอย่างนี้ ไม่ใช่หาเสียงอย่างเดียว เดี๋ยวผมเป็นรัฐบาล ก็เป็นได้ปีสองปีจบ ปีหน้ายุทธศาสตร์มาใหม่อีกแล้วอีก 2 ปี มันก็ไม่ใช่นะ ทุกรัฐบาลจะอยู่กี่ปีไม่รู้ แต่ถ้ามันทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ 20 ปี มันพ้นความยากจน พ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง คิดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจะใช้แนวทางอย่างนี้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กับแผนปฏิรูป ถ้าแยกกันคิดมันไปไม่ได้ ต้องเติมต่อกันไป เริ่มจากเล็กไปใหญ่โดยมีอนุกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ เป็นประธานไปทบทวนแผนยุทธศาสตร์น้ำทั้งประเทศ ให้เสร็จในกันยายน 2561” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า 4 ปีที่ผ่านมา มีคนบอกรัฐบาลใช้เงินเยอะ ถามว่าแล้วใช้ไปทำอะไร ลองเปรียบเทียบว่าที่ผ่านมาใช้มากหรือไม่ใช้มากแล้วไปอยู่กับอะไร ยั่งยืนหรือไม่ วันนี้ปัญหาเหล่านั้นหายไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ 90 โครงการเสร็จไปแล้ว 1 โครงการ ปีนี้อีก 51 โครงการ ที่จะดำเนินการ ปี 62อีก 35 โครงการ นี่คือ สิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการ มันสร้างไม่ได้ถ้าประชาชนไม่ต้องการ
“นี่คือ การปฏิรูป ทั้งกฎหมาย ทั้งระบบ ทั้งวิธีการการบริหารจัดการไม่ใช่พูดกันว่าปฏิรูปเสร็จหรือยัง มันใช้เวลามาเท่าไหร่ 3 - 4 อย่างที่ทำใช้เวลา 4 ปีแล้ว กฎหมายยังไม่ออกมาเลย แล้วถ้าไม่แก้กฎหมาย แก้วิธีการ มันจะปฏิรูปได้ยังไง เข้าใจด้วยคำว่าปฏิรูปไม่ใช่บอกปฏิรูปยังไง ปฏิรูปมา 4 ปี แล้วคนยังจนอยู่เลย ผมถามว่าแบบนี้มันจะปฏิรูปยังไง ถ้าปฏิรูปเร็วอย่างนั้น บอกเลยผมทำไม่ได้ มันต้องทำระบบให้ได้ วันนี้ก็แก้ระบบตรงนั้นตรงนี้ ใช้ระบบออนไลน์ การรวมกลุ่ม คนที่ทำก็บอกว่าดีขึ้นพ้นจากความยากจน ที่บอกยังไม่ดีก็ต้องมาพูดกันว่าแล้วตัวเองจะเอายังไง จะเอาอิสรเสรีค้าขายยังไงก็ได้ทุกถนนหนทาง หรือจะบุกรุกอะไรก็ได้ แล้วแบบนั้นมันจะพ้นความยากจนใช่ไหม ประชาชนทั้งประเทศออกความเห็นมาว่าควรไหม”
นายกฯ กล่าวว่า การปฏิรูปทั้งระบบมันยุ่งยาก เพราะเกี่ยวข้องกับคนยึดโยงมากมาย เอ็นจีโอก็กรุณาช่วยด้วย เวลามีเรื่องที่ไม่อะไรขึ้นมาสักอย่างเละไปหมดเลย ท่านต้องการให้ประเทศชาติเป็นอย่างนี้หรือ ไม่ต้องการให้มีกฎหมายเลยหรือ การละเมิดสิทธิมนุษยชนกับการบังคับใช้กฎหมาย มันต่างกันตรงไหนไปหาคำตอบมาให้ผมหน่อย มันเป็นเส้นนิดเดียว มันอยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการไม่เหมาะสมหรือเปล่า ไปซ้อมเขาหรือเปล่า ก็จับมาลงโทษไป แต่ถ้าเขาจับตากฎหมายก็จบไม่ว่าจะใครทั้งนั้น ผิดกฎหมายไม่ได้ ทุกคนในประเทศไทยต้องยึดถือกฎหมาย ไม่ว่าอาชีพไหน นักศึกษา นิสิต มันต้องถือกฎหมาย รวมถึงพระก็ยึดกฎหมายทั้งหมด ไม่ใช่ว่าทางนี้ไม่ต้องแรง ไปเอาอันนี้แรงกว่า กฎหมายมีอันเดียวมาตรฐานเดียวเข้าใจกันซะบ้างกฎหมาย พอกฎหมายไหนไม่ชอบก็ไม่เป็นธรรมรังแก แค่กฎหมายหมวกกันน็อคยังใช้ไม่ได้เลยพอจับมากๆ บอกเดือดร้อนแล้ว พอตายใครเดือดร้อน
นายกฯ กล่าวว่า หวังว่าทุกคนจะมาพูดกัน เอาอุปสรรคมาพูดกันให้จบเข้าใจตรงกันหรือไม่ ไม่ใช่ไปโต้ตอบอยู่ในสื่อ บ้านเมืองเสียหายพูดกันให้ตรงมีอะไรก็ส่งมามีศูนย์รับเรื่องอยู่แล้ว ไม่ใช่พูดกันผ่านสื่อมันก็เป็นแบบทุกวันนี้ บ้านเมืองมันไปไม่ได้ ขอให้เข้าใจร่วมกันเสียสละ ช่วยกันทำงาน เข้าใจกันและกัน เปิดอกรับฟัง
“นายกฯ ตัดสินเองได้ที่ไหน ไม่ใช่ผู้รอบรู้ทุกเรื่องเมื่อไหร่ เพียงแต่ว่าต้องมีเหตุมีผล ควรจะเป็นอย่างไร ทางปฏิบัติ 1 2 3 ผมเลือกได้ ส่วนเรื่องเก็บค่าน้ำไม่เก็บค่าน้ำมีอยู่แค่นี้ อะไรเสียไม่ได้ ออกกฎหมายไม่ได้เลย ถ้าเสียประโยชน์มันไม่ได้สักคน แล้วส่วนใหญ่มันจะได้อะไร ส่วนใหญ่ไม่ได้ ส่วนน้อยก็ไม่ได้ก็ล่มทั้งหมดไม่ได้อะไรสักอย่าง กฎหมายทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อคนนี้คนโน้นบางครั้งมันดูเหมือนทำประโยชน์เพื่อคนกลุ่มหนึ่ง เพราะเป็นคนกลุ่มใหญ่ไปร้องช่องทางไหน ไทยพีบีเอส มติชน ข่าวสด และหลายเล่มๆ เปิดดูสิทำไมมันต้องใช้เงินกันหมดหรือไง มันต้องซื้อกันหรือไง สื่อหนังสือพิมพ์เนี่ย ประเทศอยู่ตรงไหนกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว