“อภิสิทธิ์” ชี้ “บิ๊กตู่” ขอโทษแทนตำรวจบุกจับ “อดีตพระพุทธะอิสระ” คงอยากให้บรรยากาศคลี่คลาย แต่การจับกุมพระสงฆ์ต้องรอบคอบเพราะละเอียดอ่อน จี้ตอบคำถามสังคมทำไมจับวันเดียวกับพระคดีเงินทอนวัด ทั้งที่คดีเกิดขึ้นนานแล้ว สงสัยกระบวนการจับกุมไม่เป็นธรรมชาติ
วันนี้ (28 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีจับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และอดีตพุทธะอิสระ ว่าเรื่องของเงินทอนวัดนั้นความจริงก็เชื่อมโยงกับพุทธะอิสระที่ชี้ให้เห็นถึงการทุจริตคอร์รัปชันในวงการสงฆ์ ที่กำลังเดินหน้าต่อในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงอาจจะเกิดขึ้นคือ การบุกจับพระพุทธะอิสระ ในเรื่องนี้ไม่ว่าฝ่ายไหน เราก็ต้องบอกว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำโดยเสมอภาคกัน แต่สิ่งที่ต้องยอมรับและคิดว่าตำรวจน่าจะต้องคำนึงถึงมาก คือ เรื่องของพระสงฆ์ ที่ต้องยอมรับว่าประชาชนมีความศรัทธา หากเราไปดำเนินการในรูปแบบที่ไม่คำนึงถึงความละเอียดอ่อน ตรงนี้ก็จะมีปฏิกิริยาตามมา
เขากล่าวว่า เมื่อตนเห็นคลิปที่บุกจับพุทธะอิสระก็รู้สึกตกใจว่าทำไมต้องปฏิบัติเช่นนี้ เพราะความผิดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นนานแล้ว ไม่ได้เหมือนกับมีอะไรที่บ่งบอกว่าที่ถูกกล่าวหากำลังจะหลบหนีหรือต่อสู้ขัดขืน จนทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลถึงขั้นออกมาขอโทษว่าอาจจะทำเกินกว่าเหตุ แต่เรื่องนี้พุทธะอิสระเองก็นิ่งมากจากในคลิปจนถึงวันนี้ และความปรารถนาของท่านคือทำอย่างไรถึงจะสะสางความไม่โปร่งใส คอร์รัปชันในวงการสงฆ์ให้ได้ และความจริงการดำเนินการทางกฎหมายต่อพระสงฆ์นั้นตนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถปฏิบัติได้ด้วยความนุ่มนวล ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกในหมู่ประชาชนที่มีความศรัทธาอย่างที่เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า การที่นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ออกมาขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่ารัฐบาลคงพยายามจะบอกว่าตำรวจก็ใช้ดุลพินิจของตนเองในการทำหน้าที่ เข้าใจว่ารัฐบาลคงไม่อยากที่จะกระโดดลงมาหรือเข้าไปแทรกแซงให้เรื่องสลับซับซ้อนไปกว่านี้ แต่คงรับรู้ความรู้สึกของประชาชนส่วนหนึ่งจึงต้องแสดงท่าทีอย่างนี้เพื่อหาทางออกให้บรรยากาศคลี่คลายไปทางที่ดีขึ้น ในที่สุดแล้วก็ถูกบางฝ่ายโยงเป็นเรื่องการเมืองว่าทำไมต้องมาขอโทษ สังคมไทยยังวนเวียนอยู่กับเรื่องการมองต่างเป็นเรื่องพวก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้สำหรับตนไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเสมอภาค แต่การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ก็อยากให้คำนึงถึงความละเอียดอ่อน และตอบสังคมได้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น และทั้ง 2 กรณีที่เกิดขึ้นจังหวะเวลาเดียวกัน โดยรูปการณ์เชื่อได้ย่กว่าเป็นธรรมชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
“สงสัยการถ่ายคลิปว่าขณะที่บุกเข้าไปดูเหมือนตื่นเต้นมาก แต่คนก็สามารถยืนถ่ายคลิปได้อย่างนิ่งๆ และสามารถเผยแพร่ออกมาได้ด้วย ก็แปลกอยู่ กระบวนการทั้งหมดดูแล้วขาดความเป็นธรรมชาติ และสุดท้ายก็ต้องดูต่อไป เมื่อคดีต่างๆ คลี่คลายลงก็อาจจะได้คำตอบว่าของจริงคืออะไร” นายอภิสิทธิ์กล่าว