xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กฉัตร” ลุยใช้ กม.ปฏิรูปประมง ยกระดับแรงงาน-ชี้ยึด กม.นิมนต์พระสอบเงินทอนวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รองนายกฯ แจงคืบหน้าปฏิรูปประมงไทย ลุยบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับแรงงาน เผยอียูชมไทยมาถูกทาง ย้ำยันยึดกฎหมาย นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่สอบปมเงินทอนวัด แนะชาวพุทธแยกแยะให้ออก

วันนี้ (24 พ.ค.) เวลา 14.15 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังต้อนรับนายกาเบรียล มาโต และนางคาลา การ์เซีย รองประธานกรรมาธิการประมงแห่งรัฐสภายุโรป สมาชิกรัฐสภายุโรปว่า ส.ส.อียูทั้งสองท่านเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อให้เกิดการประมงอย่างยั่งยืนในทุกภูมิภาคของโลก โดยตนยืนยันความตั้งใจของไทยในการปฏิรูปการประมงให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ รวมถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาคประมง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้กระทำผิด ที่ปัจจุบันในภาพรวมมีจำนวนคดี 4,427 คดี มีผลตัดสินแล้ว จำนวน 3,883 คดี คิดเป็น 88 เปอร์เซ็นต์

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า นอกจากการดำเนินคดีแล้ว ตั้งแต่ 1 ต.ค.60- 23 พ.ค.61 ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของเรือประมงปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลลูกจ้าง มิฉะนั้นจะไม่ให้ออกทำการประมง เช่น สัญญาจ้างที่ไม่สมบูรณ์ การไม่ปรับปรุงทะเบียนลูกจ้าง การค้างจ่ายค่าจ้าง จำนวน 179 ลำ โดยเจ้าของเรือทุกลำได้ปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลมีความจริงจังในการลงโทษผู้กระทำผิด เช่น การลงโทษคดีประมงที่สำคัญ เป็นต้น

“ผมได้ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการปลดหรือไม่ปลดใบเหลืองให้ไทย เพราะไทยได้มองข้ามประเด็นนี้ไปนานแล้ว แต่มองไปถึงการทำประมงที่ยั่งยืน ซึ่งสหภาพยุโรปจะเป็นพันธมิตรสำคัญในการทำงานร่วมกัน โดยประเทศไทยกำลังผลักดันนโยบายประมงร่วมอาเซียน รวมถึงการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านไอยูยูของอาเซียน ให้เกิดขึ้นในปีหน้าที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียน ซึ่ง ส.ส.อียูทั้งสองได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าการทำงานของประเทศไทย และเห็นว่าประเทศไทยมีทิศทางการทำงานที่ถูกต้องในการเข้าสู่เป้าหมายการทำประมงอย่างยั่งยืน ความก้าวหน้าของประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างที่สำคัญของประเทศที่มีความจริงจังในการปฏิรูป ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับทวีป ดังนั้น สหภาพยุโรปจึงพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยยังกล่าวถึงกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปรามเข้านิมนต์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เพื่อสอบสวนคดีเงินทอนวัดว่า เป็นกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ได้เดินหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานให้ทราบแล้วว่าทั้ง 3 วัดจะต้องถูกดำเนินการต่อไป คาดว่าหลังจากนี้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะมารายงานรายละเอียดให้ทราบ และทุกคนคงทราบดีว่าทั้ง 3 วัดดังกล่าวจะต้องมีการขยายผลต่อ

นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ส่วนที่มีการจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่นั้นก็เป็นเพราะดูจากฐานความผิด ตนรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน แต่ทุกคนต้องแยกแยะให้ออก และชาวไทยพุทธก็ยังต้องกราบไหว้พระกันอยู่ จึงเชื่อว่าหากเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ทุกอย่างก็จะจบลง คนไทยก็จะไหว้พระตามปกติ ส่วนการดำเนินการ เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด ก่อนหน้านี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติอย่างตรงไปตรงมา พร้อมประสานงานกับคณะสงฆ์ด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น