ทอ.เปิดตัว เอฟ-5 ซูเปอร์ไทกริส ต้นแบบ อัปเกรดใหม่ 14 ลำ เก่งเท่ากริพเพน-เอฟ-16 ใช้งานต่อได้อีก 15 ปี ผบ.ทอ.ยันยกเครื่องใหม่ประหยัดงบฯ มากกว่าซื้อใหม่ 4-5 เท่า ขณะที่กองบิน 21 จัดพิธีครบรอบใช้งาน 40 ปี โวฝ่ายความมั่นคงไม่ลึกซึ้งด้านเศรษฐกิจ แต่ไทยยังเนื้อหอมได้รับการยอมรับจาก ตปท.
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี กองทัพอากาศจัดพิธีเกียรติยศเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีการบรรจุเข้าประจำการเครื่องบิน F-5 E/F ทั้ง 46 เครื่อง รวม 160,000 ชั่วโมงบิน พร้อมเปิดตัวเครื่องบิน F-5 ต้นแบบ ตามโครงการปรับปรุงความสามารถ F-5 Super Tigris จำนวน 14 เครื่อง แบ่งออกเป็น ระยะที่ 1 จำนวน 10 เครื่อง และระยะที่ 2 จำนวน 4 เครื่อง (ระยะที่ 2 ครม.อนุมัติงบประมาณผูกพันไปเมื่อปี 2560 วงเงิน 3,260 ล้านบาท) โดยการปรับปรุงทั้ว 14 เครื่องจะแล้วเสร็จในปี 2563
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องบินขับไล่แบบ F-5E/F ที่เป็นเรื่องบินขับไล่ในยุคที่ 3 มีขีดความสามารถจำกัด ไม่สามารถใช้อาวุธไกลเกินระยะสายตา อีกทั้งมีเทคโนโลยีล้าสมัยไม่สามารถเผชิญกับภัยคุกคามในปัจจุบันได้ ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น สามารถใช้งาน ระบบอาวุธสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูงมีระยะยิงไกล รวมทั้งติดตั้งระบบเรดาร์ที่มีประสิทธิภาพในการตรวจจับเป้าหมายเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ และเตรียมการติดตั้ง ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) เพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์สมรรถนะสูง แบบอื่นๆ ของ ทอ.และระบบป้องกันทางอากาศของ ทอ.ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องคำนึงถึงการส่งกาลัง และซ่อมบำรุงตลอดอายุการใช้งานหรืออย่างน้อย 15 ปี และหลังการปรับปรุง หรืออัปเกรดแล้วจะมีระบบอาวุธเทียบเท่า เครื่องบินขับไล่ในยุค 4.5 หรือสมรรถนะเทียบเท่าเครื่องบินกริพเพน และ F-16
ทั้งนี้ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวในพิธีว่า กองทัพอากาศบรรจุเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ โดยตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมาได้ปฏิบัติภารกิจอย่างสมบูรณ์ และสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประเทศชาติ รวมถึงปฏิบัติภารกิจในสมรภูมิต่างๆ มาอย่างมากมาย อีกทั้งการปฎิบัติด้วยความรักความสามัคคีของเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตั้งใจทุ่มเทเสียสละถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นความภาคภูมิใจ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลเอาใจใส่และปกป้องอธิปไตยของชาติ
พล.อ.อ.จอมให้สัมภาษณ์ว่า พิธีครบรอบ 40 ปีการบรรจุเข้าประจำการเครื่องบิน F-5 E/F ถือเป็นพิธีเรียบง่าย แต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ถ้านับตั้งแต่เครื่อง F-5 A/B จะถือว่าได้ใช้งานมากว่า 58 ปีแล้ว แต่โครงการปรับปรุงเครื่อง F5 E/F เป็นการยกระดับขีดความสามารถให้เทียบเท่ากับเครื่องบินรบในเจนเนอเรชั่นที่ 4.5 เช่นเดียวกับ กริพเพน และ F-16 เพื่อปฏิบัติการร่วมกันได้ โดยดำเนินการ 2 ระยะใช้เวลา 5 ปี ซึ่งการปรับปรุงเครื่องที่ 3 เป็นต้นไป เป็นการดำเนินงานของช่างไทย ต่อเนื่องจากช่างของบริษัท Elbis systems ltd. ประเทศอิสราเอล ที่ดำเนินการใน 2 เครื่องแรก ขณะนี้ F-5 ซูเปอร์ไทกริส ได้ปรับปรุงให้มีศักยภาพสูงกว่าที่มีประจำการในประเทศบราซิล และชิลี อีกทั้งติดตั้งระบบเรดาร์และเครือข่ายทางยุทธวิธี รวมถึงจรวด iris-t ที่วิถีการยิงที่ทรงประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับที่กริฟเพ้นท์มีอยู่ด้วย
“20 ปีที่ผ่านมาเราได้ใช้เอฟ-5 จนสุดท้ายของชีวิตของเขา คุ้มค่ากับภาษีประชาชนที่เสียมา ชัยชนะของกองทัพอากาศ อยู่ที่เทคโนโลยี เพราะฉะนั้นถ้ายุทโธปกรณ์ของเราฉลาดพอ เราก็จะไม่แพ้ใครง่ายๆ การปรับปรุงนี้ถือว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ มากกว่าจะซื้อเครื่องใหม่อีก 1 ฝูง ที่ต้องใช้เงิน 4-5 เท่าและต้องฝึกใหม่ทั้งหมด อีกทั้งประสิทธิภาพยังใกล้เคียงกับเครื่องบินที่ซื้อใหม่ นอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ช่างของไทย ขณะที่ตัวเครื่องนั้นอายุใช้งานก็ยังเพียงพอใช้ได้ถึง 15 ปี” ผบ.ทอ.ระบุ
พล.อ.อ.จอมยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่า จากเท่าที่ติดตามสถานการณ์ก็มีความเรียบร้อยดีไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษทุกคนต่างทำหน้าที่ของเขาซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เมื่อถามว่าถึงเวลาที่จะต้องออกมาร้องเรียนหรือไม่ เพราะรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังยืนยันที่จะเดินตามรถโรดแม็ป พล.อ.อ.จอมกล่าวว่า รัฐบาลและคสช.ดำเนินการตามกฎหมาย และภารกิจที่จะต้องทำ เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นโรดแมปอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้นจะต้องมีการพิจารณาร่วมกันหรือไม่พล.อ.อ.จอมกล่าวว่า ไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทางศาลท่านเป็นคนพิจารณา
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างชาติจะมองภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหายหรือไม่ พล.อ.อ.จอมกล่าวว่าคิดว่าคงไม่พอช่วงนี้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีมากไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนประเทศของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าอะไรที่สะท้อนให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น พล.อ.อ.จอมกล่าวว่า “เราเนื้อหอมโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าฝ่ายความมั่นคงจะไม่มีความรู้ลึกซึ้งด้านเศรษฐกิจก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ว่าประเทศไทยเนื้อหอมมากๆ แสดงให้เห็นว่าเราได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ”