สำนักนายกฯฯ ล้มแผนจัดซื้อเครื่องตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องละ 1.18 ล้าน จำนวน 2 เครื่อง วงเงิน 2.3 ล้าน เหตุมีผู้ยื่นเสนอราคาแค่รายเดียว เผยเปิดประมูลตั้งแต่ เดือน เม.ย. เน้นตรวจค้นวงจรมือถือ - ซิมการ์ด สเปคสามารถวิเคราะห์ - ชี้จุดตำแหน่งต้องสงสัย ไม่ว่าจะเปิด/ปิดเครื่อง เผยเป็นเทคโนโลยี ดูภาพรับสัญญาณสะท้อนกลับ มีรัศมีทำการ 15 เมตร ได้ผลถูกต้องกว่า 80%
วันนี้ (22 พ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามในประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกประกวดราคาซื้อเครื่องตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 2 เครื่อง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
ภายหลังได้ดำเนินการประกวดราคาซื้อ ตามประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขที่ E13/2561 ลงวันที่ 9 เมษายน 2561 ซึ่งกำหนดให้ขอรับเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์โดยดาวน์โหลดเอกสารผ่านทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงก่อนวันเสนอราคา และสำหนดยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 26 เมษายน 2561 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นเสนอราคา จำนวน 1 ราย เนื่องจากมีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว จึงเห็นควรยกเลิกการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้ ตามข้อ 56 ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อ จัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ไดเออกประกาศประกวดราคาซื้อเครื่องตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบไม่เป็นเชิงเส้น (NON-LINEAR JUNCTION DETECTOR)จำนวน 2 เครื่อง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยประกาศราคากลางของงานซื้อในการประกวดราคาครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 2,360,000 บาท (เครื่องละ 1,180,000 บาท)
สำหรับคุณลักษณะทั่วไปนั้น สเปกตัวเครื่องเป็นเครื่องตรวจหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นส่วนประกอบของวัตถุระเบิด หรือตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถตรวจ วิเคราะห์ ชี้จุดตำแหน่งที่ต้องสงสัยว่ามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดก็ตาม และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ตรวจค้นโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดโทรศัพท์
ขณะทางเทคนิคจะต้องสามารถค้นหาเป้าหมายโดยใช้สัญญาณเปรียบเทียบฮาโมนิกลำดับที่สองและสาม โดยใช้ยานความถี่ 2.404-2.472 GHz ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ขนาด 10.8 V Lithium Ion โดยสามารถทำงานต่อเนื่องได้ ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง มีกำลังเอาต์พุต 3.3 วัตต์ (EIRP) มีเสาอากาคสามารถแสดงผลการใช้งานและระดับสัญญาณการตรวจจับฮาโมนิกลำดับที่สองและสามได้ (มีความไวในการรับสัญญาณ - 140 dBm) บริเวณหัวตรวจ มีไฟส่องสว่างเพื่อการตรวจในที่มืด สามารถแจ้งเตือนในลักษณะของแถบไฟ เสียง และอักษรระบุชนิดของวัตถุที่ตรวจพบบริเวณหน้าจอของตัวเครื่อง
ตัวเครื่องเนินชิ้นเดียวกันเมื่อหดสั้นสุดจะต้องมีความยาวไม่มากกว่า 44 ซม. และเมื่อยืดให้ยาวสุด จะต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 125 ซม. โดยสามารถล็อกความยาวตัวเครื่องที่ระยะต่างๆ ได้ มีน้ำหนักไม่มากกว่า 1.4 กิโลกรัม สามารถเปิดใช้งานได้ในเวลาไม่เกิน 3 วินาที โดยการปรับค่าต่างๆ ของตัวเครื่อง สามารถทำได้ที่ตามควบคุม ด้วยการกดปุ่มบริเวณด้ามจับ ตัวเครื่องได้รับมาตรฐานสากล FCC,CE และ IC มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง และกล่องบรรจุเครื่องผลิตจากวัสดุ ABS มีความแข็งแรง ทนทาน โดยภายในเนินวัสดุโพสีสไตรีนโฟม (Polystyrene Foam) เจาะเป็นช่องใส่อุปกรณ์ เพื่อฟ้องกันการกระแทกในระหว่างขนย้าย
“เงื่อนไขของประกาศ คือ ต้องเป็นของแท้ ของใหม่ ไม่เก่าเก็บ และไม่เคยใช้งานมาก่อน รับประกันคุณภาพพร้อมทั้งความชำรุดบกพร่องตามสภาพการใช้งานปกติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี”
มีรายงานด้วยว่า สำหรับ Non-linear Junction Detector เป็นเทคโนโลยีการส่งคลื่นไมโครเวฟไปยังวัตถุต้องสงสัยและดูภาพรับสัญญาณที่สะท้อนกลับมา ซึ่งจะช่วยให้แปลผลได้ว่ามีวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ โดยมีรัศมีทำการ 15 เมตร และได้ผลถูกต้อง 80%
“กลุ่มปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยนำได้ต้นแบบมาทดลองใช้ 3 ชุด เพื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์เก่าๆ โดยเป็นเครื่องราคาขายประมาณ 2.2 ล้านบาท เทียบกับเครื่องนำเข้าที่ 2.3 ล้านบาท”