“สันธนะ” ยืนยันมีหมายเรียกพ่อแม่จริง เชื่อตำรวจตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรเพื่อหวังยึดทรัพย์ ท้า ผบ.ตร.ถอดยศเจอ ม.157 เตรียมฟ้องกลับ 3 นายพล สตช.
วันนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง และผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ เก็บค่าคุ้มครองผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคดีที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาว่า ทุกวันนี้สังคมและสื่อก็ทราบถึงการปฏิบัติของผู้มีอำนาจที่มีต่อบิดาและมารดาตน ที่ได้มีคำสั่งให้มีการออกหมายเรียกบิดาและมารดาของตนในข้อหาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนผู้ที่ทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจสักวันจะได้รู้ว่าคนที่สั่งคุณจะมีความรับผิดชอบแค่ไหน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายถ้ามีเหตุการณ์ฟ้องกลับผู้บังคับบัญชาของคุณก็จะต้องปัดป้องตัวเองว่าไม่เกี่ยว การออกหมายเรียกดังกล่าวเป็นเรื่องของ สน.โชคชัย โดยการออกหมายเรียกบิดาและมารดานั้น ยืนยันว่า สน.โชคชัย มีการออกหมายเรียกและส่งเจ้าหน้าที่มาถึงหน้าบ้าน แต่สุดท้ายกลับมาให้ข่าวบอกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ส่วนเอกสารหมายเรียกในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่งมอบ เป็นแค่การสอบถามว่าบิดาและมารดาตนอยู่ในบ้านหรือไม่ ในเรื่องคดีความส่วนตัวก็จะดำเนินการต่อที่มีข่าวว่าจะออกหมายเรียกตนไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่มีผุ้เข้ามาร้องทุกข์จำนวน 22 ราย ตนก็พร้อมที่จะไปรับทราบข้อกล่าวหา ขอให้แจ้งข้อกล่าวหามาที่ตนที่เดียวเลย ไม่ใช่แจ้งข้อหามาแค่ 8 ข้อแล้วจะมาทยอยเพิ่มมาทีละข้อหา ตนก็พร้อมตั้งรับปักหลักสู้ต่อ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้รับหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการมาหรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า ได้รับทราบจากคนของตนว่าจะมีการออกหมายเรียกตนมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนรายละเอียดข้อหาและวันเวลานั้นขอดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนจะนัดให้ไปพบวันไหน ถ้าตนไม่ติดคดีอื่นก็พร้อมที่จะไปแน่นอน ทราบอยู่แล้วว่าข้อหาที่จะแจ้งเพิ่มนั้นมันมีธงอยู่แล้วที่จะแจ้งข้อกล่าวหาตนให้ครบองค์ประกอบว่าเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เพื่อที่จะยึดทรัพย์กฎหมายฟอกเงิน แต่ตนก็ไม่สนจะยึดทรัพย์ก็ยึดไป เพราะทรัพย์สินนั้นมีมาก่อนทั้งสิ้น ในช่วง 4 ปี ที่คุณเสวยอำนาจทรัพย์ของตนก็มีแต่หดหาย เชิญมาตรวจสอบได้เลย ดังนั้น การกระทำของคุณมันไม่สำเร็จแน่ คุณจะออกหมายเรียกก็เรียกมา แต่คุณหมดสิทธิที่จะออกหมายจับแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะดำเนินการฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า ขณะนี้ยังรอว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตนมาอีกหรือไม่ จึงจะพิจารณาฟ้องกลับแต่ละคน ซึ่งจะมี 3 นายพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตนมาอยู่ด้วย และมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะฟ้องกลับทีเดียวจะได้ไม่เป็นภาระของศาลที่จะต้องมารวมคดีภายหลัง โดยคดีที่ตนฟ้องพวกคุณก็จะโดนต่างกรรมต่างวาระของจริง
ส่วนกรณีที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสนอให้มีการถอดยศนั้น พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า เรื่องถอดยศเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตามกฎหมายซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่เคยต้องคำพิพากษาให้โทษจำคุก มีแต่คดีที่เสียค่าปรับซึ่งก็ได้เสียค่าปรับแล้วก็จบกันไป ส่วนที่จะมีการรื้อฟื้นวินัยที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ก็ต้องคิดด้วยว่า ผบ.ตร.ก่อนหน้านี้ไม่เคยนำเรื่องดังกล่าวมาเสนอถอดยศ แต่ถ้า พล.ต.อ.จักทิพย์มาเสนอถอดยศตนจากกรณีที่มีคดีในปัจจุบัน ตนก็จะดำเนินการฟ้องกลับอดีต ผบ.ตร.ตามมาตรา 157 เพราะที่ผ่านมาทำไมไม่ถอดยศตนแต่แรก แต่พอมามีเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์กลับมาถอดยศตนในขณะนี้ เดี๋ยวอดีต ผบ.ตร.ที่ผ่านมาจะเดือดร้อนกันหมด ดังนั้นขอให้คิดให้ดี