ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คืนความเป็นธรรม!! อิทธิฤทธิ์ขวานป้า ทำ 5 ตลาดราพณาสูร “ศาลปกครอง”สั่งปิดตำนานตลาดเถื่อน ให้ กทม.คุมกำเนิดแผงลอย พร้อมเยียวยา 4 ผู้เสียหายรวม 2 ล้านกว่าบาท กลายเป็น “ค่าโง่” ที่ “บิ๊กวิน”ไม่น่าอุทธรณ์ ปล่อยคดีสิ้นสุดแล้วไปไล่เบี้ยกับ “ขรก.ต้นเหตุ”ดีกว่า
เฮกันทั้งเมือง .. เมื่อศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษาให้รื้อถอน 5 ตลาดสด ย่านสวนหลวง ร. 9 ใน “คดีป้าทุบรถ” ภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด .. และให้ กทม.จ่ายเงินชดใช้เยียวยาค่าสูญเสียความสงบสุขให้แก่ผู้ฟ้องร้องคดีทั้ง 4 ราย ตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน เป็นเงินรายละกว่า 3.6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย .. ศาลยังเน้นย้ำด้วยว่า กทม. ต้องดูแลพื้นที่ไม่ให้มีการวางแผงลอย ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญอีก .. ถือเป็นคำพิพากษาที่ไม่เหนือความคาดหมาย และดูจะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย รวมถึง กทม. เองด้วย .. เพราะตั้งแต่เกิดดราม่า “ขวานป้า” ขึ้นมา กทม.ของ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ก็สั่งปิดตาย และเข้าไปเคลียร์พื้นที่ตลาดสดรอบๆ บ้านป้า จนตอนนี้เหลือแค่โครงเหล็กอีกไม่มาก .. จะติดอยู่นิดก็ตรง “ค่าเยียวยา” ที่สิริรวมถึงนาทีนี้ กทม.ต้องจ่ายให้ 4 รายๆ ละ 5.6 แสนบาทเศษ ตรงเป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท ..
เห็นว่า “บิ๊กวิน” เตรียมการที่จะอุทธรณ์ต่อ ศาลปกครองสูงสุด ในประเด็นค่าสินไหมตรงนี้เท่านั้น .. เพราะเห็นว่า กทม.ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปรับผิดชอบในส่วนดังกล่าว เนื่องจากเป็นผลพวงของผู้บริหารในอดีต .. แต่หากต้องจ่ายจริง ก็หนีไม่พ้นไปควัก “เงินหลวง” งบประมาณของ กทม. มาใช้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “ค่าโง่” ที่รัฐต้องสูญเสียโดยใช่เหตุ .. เป็น “ค่าโง่” ที่หลีกเลี่ยงลำบาก ด้วยศาลปกครองระบุชัดว่า “กทม.-เขตประเวศ” กระทำละเมิด อนุญาตให้เกิดการสร้างตลาดโดยไม่ชอบ .. อีกทั้งทาง กทม.เอง ก็มีผลการตรวจสอบว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง เสร็จสรรพอยู่แล้ว เห็นว่ามีผู้ที่บกพร่องต่อหน้าที่-ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราว รวมทั้งหมด 15 คน .. แจกแจงว่าเป็น ข้าราชการฝ่ายโยธา 7 คน ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและรักษาความสะอาด 4 คน และผู้บริหารเขตประเวศ ทั้ง ผอ. และผู้ช่วย รวม 4 คน .. ทั้งหมดถูกพิจารณาว่ามี “ความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง” และจะโดนลงโทษลดหลั่นตามความเกี่ยวข้อง .. ถึงตรงนี้ กทม.ไม่น่าจะเสียเวลาอุทธรณ์คดีให้ “ครอบครัวแสงหยกตระการ” และผู้เสียหายรายอื่น ตลอดจน “กองเชียร์”ต้องเสียความรู้สึก .. ปล่อยให้คดีถึงที่สุดไปโดยไม่อุทธรณ์ ส่วน “ค่าโง่” ก็ค่อยไปหาทางไล่เบี้ยกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปจะสวยกว่า
**ตอนจบก็เหมือนเดิม!! ป.ป.ช.ลากอีก “โคตรนาฬิกาหรู”ของ “เสี่ยป้อม” เปรยต้องรอข้อมูลจากเมืองนอก อย่างน้อยอีก 3 เดือน กว่าจะสรุปได้ ตรวจสอบโปร่งใส-รัดกุมไม่ว่า แต่ยื้อสอบนานไปแล้วสรุปตาม “ธง” มันก็เท่านั้น
ถูลู่ถูกังไปเรื่อย .. การตรวจสอบ “โคตรนาฬิกาหรู” 25 เรือน มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ของ “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พี่ใหญ่ คสช. โดยคฯะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ยังตัดจบไม่ลงซักที .. หลัง “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. รุ่น “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ออกมาอัพเดตล่าสุด ว่าต้องลากยาวไปอีกไม่ต่ำกว่า 3 เดือน .. ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่ระหว่างการรอข้อมูลจากต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบให้สิ้นข้อสงสัย .. ทั้งที่ทาง วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็เปิดเผยเองว่า “รองฯป้อม”ได้ทำหนังสือชี้แจงว่าเป็น “นาฬิกายืมเพื่อน”จึง ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินตามที่กฎหมายกำหนด .. ส่วน “เจ้าของนาฬิกา” ก็เสียชีวิตไปแล้ว และทาง “ทายาท” ก็ได้ชี้แจงกับ ป.ป.ช. จนสิ้นสงสัยไปหมดแล้ว ..
แม้จะเป็นเรื่องดีที่ ป.ป.ช. ให้ความสำคัญ ในการตรวจสอบโปร่งใส-รัดกุมมากยิ่งขึ้น .. แต่ก็อดสงสัยว่า จะยื้อไปเพื่ออะไร ด้วยที่ผ่านมา กระแสสังคมถล่มจนเละ เจ้าตัวก็ยังเฉย อ้างว่า "ป.ป.ช.ยังไม่ชี้ว่าผิด” .. หรืออย่างการชี้ช่องว่า ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ผิดเต็มประตู ป.ป.ช. ก็ยังไม่รับลูก ประวิงเวลา เตะถ่วงจนประเด็นเอาต์ไปแล้ว บางช่วง “คน ป.ป.ช.” ยังออกมาปกป้องอีกต่างหาก .. อิหรอบนี้ สอบนานไปก็เท่านั้น ไม่ต่างจากสำนวนที่ว่า “หนังสือเล่มเดิม อ่านกี่รอบก็จบแบบเดิม” .. สู้ตัดจบ ให้แล้วๆไปเลยยังดีซะกว่า
**คลายดราม่า!! วิจารณสนั่น รับสมัครครูเงินเดือน 4 พันบาท ด่ากันขรมห่างไกล “ค่าแรงขั้นต่ำ” เดือดร้อนถึง “ก.ศึกษาฯ” โดนแขวะ แชมป์งบฯ สูงสุด “หมอธี” ยันเป็นไปไม่ได้ แนะแจ้งความผิดกฎหมายแรงงาน ก่อน “ผอ.โรงเรียน” เฉลยได้เงินบริจาคของชาวบ้าน จ้างได้เท่านี้
วิจารณ์ยับ .. กรณีเฟซบุ๊กเพจ “สมัครงาน สอบราชการ” ได้โพสต์รูปภาพการรับสมัครงานคัดเลือกบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว ปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สุโขทัย .. ระบุวุฒิการศึกษาปริญญาตรี พร้อมค่าตอบแทน เดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง .. ทั้งที่สงสัยข่าวจริง หรือข่าวมั่ว จนถึงจำนวนเงินเดือน ที่ไม่เท่ากับ “ค่าแรงขั้นต่ำ” เลย .. บ้างก็ว่ายังน้อยกว่าค่าเบี้ยเลี้ยงจากผู้ปกครองสมัยเรียนชั้นมัธยมฯ เสียอีก พร้อมแนะนำให้ไปทำอาชีพอื่นดีกว่า .. เดือดร้อนมาถึง “กระทรวงศึกษาธิการ” ถูกตั้งคำถามว่า งบประมาณที่ครองแชมป์อันดับ 1 แล้วไฉนถึงไปว่าจ้างครูผู้สอนกระเบียดกระเสียน ขนาดนั้น .. ซึ่ง “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ก็ออกมาชี้แจงว่า ทางกระทรวงโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีการรับครูอัตราจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปจ้างบุคลาการในอัตราตามที่เป็นข่าว .. พร้อมแนะนำว่า หากมีการจ่ายค่าตอบแทนเช่นนนั้นจริง ก็เท่ากับ “ผิดกฎหมายแรงงาน” ให้ไปแจ้งความ แต่ส่วนใหญ่ “สมยอม” เพราะอยากทำงาน ..
ก่อนที่จะมีการเฉลยจาก “ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านผาเวียง” อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งรับว่าเป็นผู้ประกาศรับสมัครลูกจ้างชั่วคราวดังกล่าว พร้อมคอนเฟิร์มว่า ค่าจ้าง 4,000 บาท คือเรื่องจริงไม่อิงนิยาย .. แต่ก็ได้ชี้แจงด้วยว่า ไม่ใช่การจ้างครูด้วย “งบประมาณแผ่นดิน” แต่เป็นการจ้างด้วยงบประมาณที่ได้มาจาก “เงินบริจาคของชาวบ้าน” ที่เพียงพอกับการจ้างครูด้วยเงินเดือนเท่านี้ .. ทั้งนี้ ก็เพื่อจ้างครูเสริมแทนครูที่เข้ารับการผ่าตัดสมอง และยังมีเงินพิเศษเพิ่มเติมให้อีกส่วนหนึ่งที่ครูรวบรวมกัน .. ที่น่าตกใจก็คือ ทาง ผอ.บอกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก โรงเรียนในชนบทหลายแห่งประสบกับปัญหาไม่ต่างกัน และบางที่รับสมัครด้วยเงินเดือน 2,500 บาทก็เคยมีมาแล้วด้วยซ้ำ .. แม้จะเป็นปมปัญหา “นอกระบบ”ที่ทำกันเองโดยไม่เกี่ยวกับส่วนกลาง หากแต่ก็สะท้อนถึงปัญหา “ในระบบ”เกี่ยวกับการขาดแคลนครูที่เกิดขึ้นในวงการศึกษาไทยที่แก้ไม่ตกซักที
ช.ชฎา
