“ประยุทธ์” ขึ้นรถกระสวยอวกาศชมโฮมสเตย์บ้านสนวนนอก แบบวิถีชุมชนเขมร นุ่งโสร่งผ้าข้าวม้าสาวไหม สองคุณยายรุมหอมแก้มเรียกรอยยิ้ม ก่อนบายศรีสู่ขวัญ บอกการเดินขบวนไม่ใช่เรื่อง ต้องมีเหตุมีผล บอกเห็นใจชาวบ้านอยากเลือกตั้ง
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ จ.บุรีรัมย์ ภายหลังประชุม ครม.สัญจร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมายังไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนโฮมสเตย์ บ้านสนวนนอก ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชุมชนโบราณที่ดำรงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบวิถีชุมชนเขมรและมีการจัดการด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด เยี่ยมชมจุดถ่ายทอดการเรียนรู้การทอผ้าพื้นเมืองของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล จากนั้นเดินทางมาไหว้ศาลหลวงปู่อุดม ศาลที่ตั้งมาตั้งแต่โบราณที่มีมากว่า 70 ปี เป็นที่เคารพนับถือของคนชุมชนและใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในการเซ่นไหว้เทวดา เจ้าที่เทพารักษ์ที่ปกปักรักษาหมู่บ้าน นายกฯและคณะได้ขึ้นรถกระสวยอวกาศเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้านในหมู่บ้าน
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึง นายกฯ ได้เยี่ยมชมแต่ละฐาน อาทิ บ้านนก ที่นำกระลามะพร้าวมาประดิษฐ์นก บ้านจักสาน ซึ่งจุดนี้นายกฯ ได้แนะนำว่า นอกจากทำหวดข้าวเหนียวแล้ว อยากให้เพิ่มลวดลายโดยใช้เศษผ้าข้าวม้าผสมผสาน ทำเป็นเครื่องประดับบ้านด้วย พร้อมถามว่า “เวลาทำได้พูดนั่งคุยอะไรกันบ้าง มีเรื่องการเมืองบ้างไหม” ลุงตอบว่า “ไม่มีเรื่องการเมือง คุยแต่เรื่องตลก” ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า “ดีแล้ว การเมืองมันปวดหัว ผมก็เห็นใจชาวบ้านอยากให้เลือกตั้ง ก็เข้าใจ ไม่ได้ว่าใคร จะไปเลือกใครก็เลือกกันมา แต่เลือกตั้งยังอีกไกล” พร้อมถามว่าแล้วรู้เรื่องเลือกตั้งกันไหม โดยลุงตอบว่าไม่รู้ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวว่าตรงนี้แหละที่รู้สึกเป็นห่วงที่ชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ จากนั้นเยี่ยมชมฐานบ้านกระดิ่ง พร้อมพูดหยอกล้อว่าผู้หญิงน่าซื้อไว้เยอะๆ คล้องคอผู้ชายไว้ไปไหนจะได้รู้ จากนั้นชาวบ้านได้ขอให้นายกฯ สั่นกระดิ่ง นายกฯ ได้สั่นกระดิ่งพร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวหาว่านายกฯ ตลกบ้าบอ เปิดดูคลิปให้ผมทำอะไรก็ได้ ให้ผมทำจะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะผมเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง” แล้วชาวบ้านได้มอบกระดิ่งให้ โดยนายกฯ กล่าวว่า “ดี จะได้เอาไปให้พวกเดินขบวนอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่อง ต้องมีเหตุผล”
จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมและทดลองสาวไหม ขณะที่ชาวบ้านได้มอบผ้าข้าวม้าโดยนำมานุ่งเป็นโสร่งให้แก่นายกฯ พร้อมกล่าวกับนายกฯ ว่า ผ้าไหมได้รับรางวัล ทำให้มีรายได้ดีขึ้น โดยนายกฯ ถามว่าเศรษฐกิจแย่ลงหรือไม่ แล้วใครบอกว่าเศรษฐกิจ ช่วยไปบอกแทนตนด้วย เศรษฐกิจไม่แย่ร้ายแรงขนาดนั้น อย่างที่หลายคนบิดเบือน แล้วเมื่อนายกฯ เดินผ่านยุ้งฉางชาวบ้าน พร้อมกล่าวว่าจำเป็นต้องมี เพราะหากอยู่กับรัฐหรือ ธ.ก.ส. ต้องเสียค่าเช่า จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร และสอบถามว่าตอนนี้ราคาข้าวที่ฝากอยู่ที่เกวียนละเท่าไหร่ โดยชาวบ้านตอบว่าราคาอยู่ที่ 16,000 บาท ถ้าอย่างนั้นก็เอาออกมาขาย อย่านึกว่าราคาข้าวจะสูงกว่านี้ ต้องดูด้วยว่าวันนี้ไหวหรือไม่
ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมบ้านโบราณและตลาดโบราณของหมู่บ้าน พร้อมฝากให้ชาวบ้านเน้นเรื่องความปลอดภัย และดูแลเรื่องความสะอาด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดการแข่งขันโมโตจีพี พร้อมกันนี้ได้มีชาวบ้านร่วมขอถ่ายรูปกับนายกฯ ด้วย ซึ่งมีผู้หญิงสูงอายุ 2 คนนั่งประกบนายกฯ พร้อมกับขอหอมแก้ม ซึ่งได้หอมไปหลายครั้งทั้งซ้ายขวา แล้วนายกฯ ได้ชิมขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมตดหมา ที่ทำมาจากต้นตดหมา และทักทายหนุ่มชาวนอร์เวย์ที่ได้แต่งงานกับสาวไทยและอาศัยอยู่ในเมืองไทยมา 8 ปีแล้ว
โอกาสนี้นายกฯ เดินทางร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญที่ชาวบ้านจัดขึ้น พร้อมชมการแสดงพื้นบ้าน “เรือมตรด” ซึ่งนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ได้ร่วมรำตรดกับชาวบ้านด้วย และก่อนเดินทางกลับ นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลในการที่จะสานต่องานของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการไป และยืนยันว่าวันนี้มีความสุขแม้อากาศจะร้อน แต่สามารถทนได้เพราะเห็นรอยยิ้มของทุกคน โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ไม่ต้องการอะไรจากใคร และรู้ความต้องการของประชาชน โดยไม่ต้องบอกตนเอง แต่ตนเองจะทำให้ ขณะที่ชาวบ้านอวยพรให้นายกฯ อยู่นานๆ เพราะไม่มีใครทำให้บ้านเมืองสงบได้เช่นนี้ จึงขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ ทำงานต่อไปอีก ก่อนที่ลุงตู่จะมาเป็นนายกฯ มีแต่ทะเลาะกันไปมา ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ถ้าใครมาว่านายกฯ ขอให้ช่วยตนด้วย
พร้อมกันนี้ก่อนนายกฯ ขึ้นรถเดินทางกลับ ได้ทำสัญลักษ์ไอเลิฟยูโบกให้กับชาวบ้านพร้อมร่วมร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” จากนั้นเดินทางต่อมาท่าอากาศยานนานาชาติบุรีรัมย์ เพื่อเดินทางกลับ
กรุงเทพฯ