อดีต กกต.ย้ำสเปก กกต.สูงทำสรรหาได้คนไม่มีประสบการณ์จัดเลือกตั้ง พร้อมจี้ คสช.ปลดล็อกการเมือง หวั่นพรรคการเมืองใหม่เหลือเวลาน้อย เสี่ยงทำไม่ทัน-ถูกยุบพรรค
วันนี้ (4 พ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เฟซบุ๊กไลฟ์วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ว่าหลังจากได้ชื่อว่าที่ กกต.ใหม่จากการสรรหาทั้ง 5 คนแล้ว โดยเป็นศาสตราจารย์สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม 1 คน อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร 1 คน อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 1 คน และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด 2 คน ทั้งนี้ เมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติคนที่จะมาเป็น กกต.ขั้นสูง โดยต้องเป็นหัวหน้าส่วนราชการ เป็นอธิบดีไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่คำถามคือ มีอธิบดีกี่กรมที่ทำงานด้านการเลือกตั้งโดยตรง ดังนั้นก็ทำให้ได้กรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ ตนไม่ได้ว่าคนที่ผ่านการสรรหาจะทำงานไม่ได้ แต่ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งน่าจะเป็นสิ่งช่วยเสริมในการทำหน้าที่ กกต.ได้ แต่รู้สึกว่ายังขาดความหลากหลายเพราะไม่ค่อยเห็นคนที่มาจากแวดวงวิชาชีพอื่นๆ อาทิ ทนายความ เอ็นจีโอ แต่กลายเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงเกือบทั้งหมด ดังนั้นจะต้องดูว่าคนเหล่านี้จะต้องเข้าไปจัดการเลือกตั้งซึ่งเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ ก็จะเป็นปัญหาอุปสรรคอย่างหนึ่งว่าจะทำได้ดีหรือไม่อย่างไร ก็ขอฝากความหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตามถือว่าคัดได้ดีภายใต้กรอบกติกาที่มีอยู่ เท่าที่พอทำได้ แต่หากยังทำได้ไม่ดีก็ควรจะต้องแก้กติกากันในอนาคต
นายสมชัยยังวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองหัวข้อ “ถึงเวลาปลดล็อกพรรคการเมืองได้หรือยัง” ว่าในเมื่อประเทศไทยกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมปเดือน ก.พ. 2562 แล้ววันนี้ถึงเวลาที่จะต้องปลดล็อกหรือยัง ทั้งนี้หลังจากมีคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ออกมาเพื่อแก้ปัญหาใน พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งมีการกำหนดกรอบเวลาใหม่ในการดำเนินการของพรรคการเมือง โดยภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องหาทุนประเดิม 1 ล้านบาท และหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องมีสมาชิก 5,000 คน และภายใน 4 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องมีสมาชิก 10,000 คน โดยเงื่อนไขเหล่านนี้หากทำไม่สำเร็จจะต้องถูกยุบพรรค แต่ขณะนี้ผ่านไปแล้ว 1 เดือนเต็ม แต่กำหนดการณ์ต่างๆ ยังคงเป็นไปตามเดิม เกรงว่าหากยังไม่คิดเรื่องการปลดล็อก เวลาจะลดลงไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดปัญหาขึ้นหากไม่ปลดล็อก ดังนั้นหากปลดล็อกช้าก็จะยิ่งมีเวลาทำกิจกรรมทางการเมืองน้อยลง
นายสมชัยยังเชื่อว่า พรรคการเมืองเดิมที่มีสาขามีสมาชิกในจังหวัดต่างๆ อยู่แล้วจะสามารถทำได้ไม่ยาก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพรรคใหม่ที่เริ่มก่อตั้ง คนยังไม่มีความรู้จัก แม้ตอนนี้ กกต.ให้จดแจ้งชื่อพรรคได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นศูนย์อยู่เพราะยังไม่มีอะไรเลย ทั้งสมาชิก ทุนประเดิม สาขาพรรค ที่จะต้องทำตามกรอบเวลาที่กำหนด หากไม่มีการผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ พรรคใหม่ก็น่าเป็นห่วง และเป็นโจทย์ยากที่ คสช.จะต้องคิดหาจังหวะเวลาที่เหมาะสม หากตั้งใจที่จะมีการเลือกตั้งจริง ก.พ. 62 จะต้องรู้จักนับถอยหลังแล้ว ต้องเห็นใจพรรคการเมืองใหม่ที่จะต้องมีเวลาเตรียมตัว ไม่อย่างนั้นจะได้คนที่รวมตัวกันชั่วคราว ไม่ได้มาจากอุดมการณ์ ไม่ได้สู้ด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้สู้ด้วยนโยบาย
“เราร่างกฎหมายให้มีการปฏิรูปการเมืองแทบเป็นแทบตาย เราร่างกฎหมายเพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง พยายามออกแบบโดยดูตัวแบบจากหลายๆ ประเทศ เราไม่อยากเห็นพรรคการเมืองที่เป็นของนายทุนหรือเป็นของครอบครัวตระกูลนั้นตระกูลนี้ จึงมีการสร้างกระบวนการไพรมารีโหวต สร้างกระบวนการที่เป็นรากฐานพรรคการเมือง แต่วันนี้เราเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ หากอยากให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่วันนี้ท่านยังจำกัดไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งที่เข้าใกล้วันเลือกตั้งมากขึ้นทุกที จึงอยากให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ไตร่ตรองเรื่องดังกล่าว”