xs
xsm
sm
md
lg

รัฐถ่วงปม “หมู่บ้านป่าแหว่ง”จนประชาชนต้องออกมาแสดงพลัง“รื้อเท่านั้น” **“ลุงตู่”หน้ามืด ยกครรลองประชาธิปไตยไทย จำเป็นต้องดูด **คอสเพลย์ “เสี่ยเปรมชัย”ตบหน้า“ใครๆก็เห็นใจผม” **ศอ.บต.สอบเอง-สรุปเอง “เครื่องกรองน้ำครึ่งล้าน”ไม่โกง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**รื้อเท่านั้น!! รัฐถ่วงปม “หมู่บ้านป่าแหว่ง”จนประชาชนต้องออกมาแสดงพลังกระหึ่มเมืองเชียงใหม่ พร้อมพิพากษาเองเสร็จสรรพ “รื้อเท่านั้น”คือคำตอบ "นิด้าโพล" ร่วมตอก “ประชาชนส่วนใหญ่”85% ระบุ “ไม่เหมาะสม”

ไม่เอาป่าแหว่ง .. การแสดงพลังของกลุ่มภาคประชาชน-นักอนุรักษ์ ในนาม“เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”ที่ร่วมกันจัดกิจกรรม “ปกฮีต-ป้องดอย” ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อประท้วงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ .. แนวร่วมทยอยเดินทางมาสมทบกันตั้งแต่เช้า เพื่อรอให้กิจกรรมดำเนินไปตามลำดับ เผลอละตาไปไม่นาน กลับมาดูอีกครั้ง ก็มากันอย่าง “มืดฟ้ามัวดิน” สถานที่ชุมนุมดูแคบไปทันที .. แม้จะประเมินกันว่า ที่มาร่วมรวมพลังเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) ยังอยู่ที่หลักหลายพันคน แต่อย่าลืมว่า ที่มาๆ กันนั้นเป็น “พลังบริสุทธิ์”ที่ยังไม่มีการเมืองเข้ามแทรกแซงแต่อย่างใด .. อ่านทางออกไม่ยากว่า เหตุที่ “รัฐบาล คสช.” โดย “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ยอมตัดสินใจประการใดประการหนึ่ง ก็เพื่อ “ถ่วงเวลา” ไปเรื่อยๆ .. หวังว่าจะทำให้สังคมลืมๆ กันไป หรือมีดราม่าใหม่ๆ ออกมาแทรกคิว .. บวกด้วยการ “ชกใต้เข็มขัด” โดยการปล่อยข่าวว่า กลุ่มต่อต้าน “หมู่บ้านป่าแหว่ง” ไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้ว .. ก่อนจะมามีภาพว่า คนที่ออกมาร่วมชุมนุมกันอุ่นหนาฝาคั่ง ก็เท่ากับเป็นการลบล้างความพยายามของ “วิชามาร” ที่หวังเตะตัดขา-ดิสเครดิต ความเคลื่อนไหวของกลุ่มต้าน ..
ชาวเชียงใหม่รวมพลังคัดค้านหมู่บ้านป่าแหว่ง
ฝ่ายรัฐน่าจะตรองดู ลู่ทางลงไว้ให้ดีๆ ด้วยพิสูจน์แล้วว่า ถ่วงไปก็เท่านั้น สู้ตัดสินใจยืนอยู่ข้างประชาชน เดินตามข้อเรียกร้อง “รื้อเท่านั้น” ก่อนวกไปหาคนผิดที่เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการ-งบประมาณ เสียหายไปราว 1 พันล้านบาท หรือฝืนป่าที่ประเมินค่าไม่ได้ ไปจะดีกว่า .. ตามมาด้วย "นิด้าโพล" ในหัวข้อ “คนไทยคิดอย่างไร กับโครงการสร้างบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพ" .. ปรากฏว่า “ประชาชนส่วนใหญ่”85.20% ระบุว่า “ไม่เหมาะสม”เท่านั้นก็จบข่าว .. จะเห็นได้ชัดว่า ประเด็นนี้ทำให้เกิดพลังการมีส่วนรวมอย่างเข้มแข็ง กระทั่งนักเคลื่อนไหวหลากสีเสื้อที่มา ต่างลบความทรงจำในอดีตของกันและกัน รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่มีการแบ่งฝ่าย ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ในการประท้วงโครงการที่ทิ่มแทง “ดอยสุเทพ”จนอุจาดลูกตา .. ถือเป็นกรณีที่ “ศาล”ขอละหน้าที่ในการพิพากษาให้กับทาง “รัฐบาล”ตัดสิน แต่ก็เงื้อง่าเหมือนประวิงเวลารออะไร จนที่สุด “ประชาชน” ต้องขอพิพากษากันเอง .. รื้อเท่านั้น !! คือคำตอบ .

**เกลียดตัวกินไข่!! “ลุงตู่”หน้ามืด ยกครรลองประชาธิปไตยไทย จำเป็นต้องดูด เดินตามการเมืองน้ำเน่าทุกระเบียดนิ้ว แถมไต่บันได ยกคำกล่าวขึ้นหิ้ง “แมวดำ-ขาว” ของ “ท่านผู้นำเติ้ง” มาอ้างข้างๆ คูๆ แต่ไม่ยักจะนำพา “ผลงานปฏิรูปประเทศ”ของ “รัฐบุรุษแห่งแผ่นดินจีน”มาทำบ้างเลย

อาการหนักกว่าที่คิด .. เมื่อ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาศัยฟลอร์รายการฮิตคืนวันศุกร์ ยอมรับโดยดุษฎีว่า ตอนนี้กำลังมีการ “ดูด ส.ส.” อย่างที่กำลังถูกวิจารณ์จริงๆ .. ไม่ได้ยอมรับตรงๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธเหมือนที่ผ่านๆ มา แถมยังอ้างข้างๆ คูๆ ด้วยว่า “การดูดกันมันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว เป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา” .. ฟังแล้วก็จุกอก “หัวหน้าคณะรัฐประหาร”ผู้เคยแสดงท่าทีรังเกียจ “การเมืองแบบ เก่า” ต่อว่า “นักเลือกตั้ง”ไม่เหลือดี และยังประกาศ “วาระปฏิรูป” ไว้อย่างสวยหรู .. สุดท้าย “ลายออก” กลับไปเดินตามอะไรๆ ที่ตัวเองเคยว่า “น้ำเน่า” แทบทุกกระเบียดนิ้ว .. ไม่เท่านั้นยังไปยกคำกล่าวขึ้นหึ้งของ “เติ้ง เสี่ยว ผิง” อดีตผู้นำของจีนแผ่นดินใหญ่ มาเปรียบเทียบ “การดูด” ของตัวเองอีกต่างหาก .. ทั้งที่เทียบกันไม่ติด ด้วยความยิ่งใหญ่ของ “เติ้ง เสี่ยว ผิง” ได้รับการยอมรับเป็น “รัฐบุรุษแห่งแผ่นดินจีน” ทั้งในฐานะ “นักปฏิวัติ-นักปฏิรูป” ผู้วางรากฐานให้ประเทศจีนกลายมาเป็นมหาอำนาจอย่างทุกวันนี้ ..
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หันมาดูฝั่ง “บิ๊กตู่” รับสภาพได้เพียง “นักรัฐประหาร” เท่านั้น เรื่องปฏิรูปวางรากฐานประเทศนี่ไม่ต้องพูดถึง 4 ปีที่มีอำนาจล้น ไม่คืบหน้าแม้แต่เรื่องเดียว .. อีกทั้งนิยาม “จับหนู” ของ “เติ้ง เสี่ยว ผิง” ก็หมายถึงการทำ “ประโยชน์ส่วนรวม” ที่ไม่ว่าวิธีการหรือบุคคลใดก็ตาม ดีหรือไม่ดีก็ตาม ถ้าทำแล้วสำเร็จ เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ก็ถือว่าเป็น “แมวที่ดี” .. กลับกับนิยาม “จับหนู” ของประเทศไทยตอนนี้ หาใช่เรื่องผลประโยชน์องค์รวมของประเทศชาติ แต่มีโจทย์แค่ว่า จะทำให้ “รัฐบาล คสช.” ต่อท่ออำนาจได้หรือไม่ เท่านั้น .. แมวดำ-แมวขาว ที่ “ลุงตู่” พูดถึงก็จำกัดเฉพาะสายพันธ์ “นักเลือกตั้ง” ที่ไม่ว่าชื่อจะ “ยี้” ขนาดไหน ขอแค่มีฐานเสียง พา ส.ส.เข้าสภาฯไปชูจั๊กกะแร้หนุน “ลุงตู่” ได้ก็เท่านั้น .. ถาม ว่า ตอนนี้มีซักตัวหรือยัง ที่เป็น “แมวสะอาด” อย่างที่ “ลุงตู่” ว่า .. สัปดาห์หน้าเห็นว่าจะไปต้อนมาอีกคอกใหญ่แถวๆ อีสาน นั่นต้นตำรับ “ยี้” เลยทีเดียวเชียว.

**คนชังเท่าผืนเสื่อ!! คอสเพลย์ “เสี่ยเปรมชัย”โผล่กลางงาน Thailand Comic Con โซเชี่ยลฯ แห่แชร์กันเป็นหมื่น ตบหน้า “พรานเจ้าสัว” ที่โพนทะนาไปทั่ว “ใครๆก็เห็นใจผม”พร้อมมีการตั้งกระทู้ใน Change.org จี้ภาครัฐงดสังฆกรรม “อิตาเลี่ยนไทย”ที่ขาดธรรมาภิบาล ไม่กี่ชั่วโมงคนโหวตทะลุหมื่นรายชื่อ

ตอกหน้ากันเห็นๆ .. ฮือฮากลางงาน “Bangkok Comic Con x Thailand Comic Con 2018″ งานรวมตัวของผู้นิยมการ์ตูน เกม ของสะสม จากหนังและเกมชื่อดัง พร้อมประกวดประชันแต่งกาย “คอสเพลย์”กันอย่างหลากหลาย .. ปรากฏว่ามี “ผู้ใม่ประสงค์ออกนาม” เลือกแต่งคอสเพลย์จากเหตุการณ์จริง ไม่อิงนิยายอย่างใครเขา .. ขอแปลงกายเป็น “พรานเจ้าสัว” เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอส อิตาเลีบนไทย ผู้ต้องหาในคดีฆ่าเสือดำกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร .. แต่งไม่ยาก แค่ประยุกต์เสื้อแขวนยาวธรรมดาๆ เป็น “เสื้อพรานล่าสัตว์” คล้ายกับที่ “เสี่ยเปรมชัย”ใส่เมื่อวันที่ถูกจับกุมกลางป่า พร้อมภาพวาด “เสือดำ” ในกระดาษอีกหนึ่งภาพ แค่นี้ก็เหมือนฝาแฝด “เสี่ยใหญ่” เข้าแล้ว .. ยิ่งไปกว่านั้น คอสเพลย์ Black Panther ฮีโร่เสือดำ ยังกลัวไม่ชัด ยอมมานอนเป็นเหยื่อให้ “คอสฯเสี่ยเปรมชัย” ก็ยิ่งชัดไปกันใหญ่ ..
คอสเพลย์ ล้อเสี่ยเปรมชัย
ที่ว่าตอกหน้ากัน ก็ไม่กี่วันก่อน “นักล่าเสือดำ” เพิ่งคุยฟุ้งว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง ถูกดำเนินคดีมา “มีแต่คนเห็นใจผม" .. แต่การที่คอสเพลย์ล้อ “เจ้าสัวอิตาเลียนไทย” ไปโผล่กลางงานเกม-การ์ตูน ที่ผู้ใหญ่มองเป็นเรื่องไร้สาระ ก็ถือเป็นการตอกย้ำว่า กรณีของ “เสี่ยเปรมชัย” หาใช่มีแต่สื่อหรือผู้ใหญ่ให้ความสำคัญเท่านั้น ยังมี “เด็ก-วัยรุ่น” อีกเยอะ ที่มองกรณีนี้เป็นเรื่องสำคัญ และออกมาร่วมย้ำเหตุการณ์ไม่ให้จางไปจากกระแส หรือในสังคม .. จนทำให้ “คอสฯเสี่ยเปรมชัย” ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ของงานกันเลยทีเดียว มีการแชร์ในโลกโซเชี่ยลฯ เป็นหมื่นๆ ครั้ง .. แล้วถ้ารวมกับปรากฏการณ์งานศิลปะต่อกรณี “เสือดำทุ่งใหญ่ฯ” ที่ทำมาต่อเนื่อง ก็ยิ่งชี้ชัดว่า ในสังคมไทยคนรัก-คนชัง “เสี่ยเปรมชัย” มากกว่ากัน .. ที่ว่ามีคนเห็นใจนั้น ก็เป็นเหล่าข้าราชการที่จ้องจะได้ “เบี้ยใบ้รายทาง” จากเครืออิตาเลียนไทย ตามที่ เจ้าสัวคนดังบอกไว้ว่า “ทุกกระทรวง ทุกกรม มีแต่คนเห็นใจ” .. ล่าสุดยีงมีผู้ไปตั้งกระทู้ไว้ใน เว็บไซต์ Change.org ขอให้ภาครัฐ งดจัดซื้อจัดจ้างทำธุรกิจกับบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ที่ขาดธรรมาภิบาล .. เผลอแผล่บเดียว มีคนร่วมโหวตแล้วมากกว่า 1 หมื่นรายชื่อ เข้าให้แล้ว .. เจอแบบนี้เข้า “เจ้าสัวใหญ่” คงไม่กล้าไปโพนทะนา แสดงความมั่นอกมั่นใจที่เวทีไหนอีกละมั้ง

**ใครคุ้ม !? ศอ.บต.สอบเอง-สรุปเอง “เครื่องกรองน้ำครึ่งล้าน”ไม่โกง - คุ้มค่า แต่ดันถูกเบรกจัดซื้อ “ลอต 2” ทั้งที่ตั้งงบฯไว้เป็นโครงการต่อเนื่องกัน “เลขาฯศอ.บต.” ย้ำคำเดิมคุณภาพดี ได้รางวัลนวัตกรรมระดับชาติ

ปิดจ๊อบกันไปเงียบๆ .. โครงการจัดซื้อตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า “แพงเกินจริง” .. สนนราคา ตู้ละ 5.49 แสนบาท จนถูกขนานนามว่า "ตู้กรองน้ำครึ่งล้าน" ท่ามกลางข้อมูลที่พรั่งพรูออกมาจากหลายฝ่ายว่า อย่างดีก็ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อตู้ .. ล่าสุด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) และ ศอ.บต. ก็สรุปผลสอบออกมาสั้นๆง่ายๆ ว่า “ไม่มีทุจริต - มีความคุ้มค่า” .. ผลสอบที่ว่าไม่มีการแถลงข่าว ไม่มีการออกเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ แต่เป็นคำยืนยันของ “ศุภณัฐ สิรันทวิเนติ “ เลขาธิการ ศอ.บต. เท่านั้น .. งานนี้ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักความมีพิรุธของโครงการเข้าไปอีก ก่อนหน้านี้ก็มีการท้วงติงไปแล้วว่า ศอ.บต. จะตั้งกรรมการสอบกันเอง แบบนี้ไม่สวย .. แล้วผลที่ออกมาก็ตามคาด “ล้มมวย”กันจริงๆ แม้จะอ้างว่ามีการเชิญคณาจารย์จากหลายสถาบันมาร่วมเป็นกรรมการสอบแล้ว แต่เมื่อทำกันในอาณัติของ ศอ.บต. ผลที่ออกมาก็ย่อมเป็นไปตามธงที่วางไว้ ..
ศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. - ตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์
ย้อนกันอีกครั้ง โครงการนี้มีพิรุธทั้งเรื่องราคาที่แพงเว่อร์ รวมทั้เรื่องการจัดซื้อที่ใช้ “วิธีพิเศษ” ไม่มีการประกวดราคา .. โดยทาง “เลขาฯ ศอ.บต.” ก็พยายามอ้าตลอดว่าตู้กรองน้ำที่ว่าได้รางวัล “เซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ด” ซึ่งเป็นรางวัลระดับประเทศ ที่การันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี แถมราคานี้ยัง “ต่ำกว่าท้องตลาดเยอะแยะ" .. ย้อนแย้งกับการจัดซื้อ "ตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์" ของภาครัฐ ก็เคยมีมาบ้างแล้ว ราคาสวิงแคบๆ อยู่ที่ 2-3 แสนบาทต่อตู้ ที่หลายคนก็ว่าแพงมากแล้ว .. ย้ำไปหลายหนแล้วว่านี้ เคยมีการวิจัย และผลิต โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ระบุต้นทุนการผลิตประมาณ 2 หมื่นบาทต่อชุดเท่านั้นเอง .. จนต้องถาม “เลขาฯศอ.บต.” ที่บอกว่า “คุ้มค่า” อะ ใครคุ้ม ?? .. แล้วถ้าดีจริง งบประมาณอีก 45 ล้านบาท สำหรับจัดซื้อ ลอต 2 ถึงถูกระงับไม่ทราบ ??


ช.ชฏา


กำลังโหลดความคิดเห็น