อดีต ส.ส. ปชป. บี้ นายกฯ รับผิดชอบ หลังศาลปกครองสั่งยุติรับมอบรถเอ็นจีวี รอคำพิพากษาปมปลอมมติบอร์ด ขสมก. เหตุไม่ยับยั้งความเสียหาย ทั้งที่เคยยื่นหนังสือทักท้วงแล้ว เตือน ขรก. สภา เอี่ยวโกงสร้างสภาใหม่ โทษหนักคุก 10 ปี แฉงบบานจาก 3 พันล้าน เป็นกว่า 8 พันล้าน ซื้อไมโครโฟนตัวละ 1.2 - 1.4 แสน ระบุ ผลงานอดีต ส.ส.ปชป. ทำรัฐไม่กล้าอนุมัติงบ
วันนี้ (23 เม.ย.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ ขสมก. ยุติการรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน วงเงิน 4,261 ล้านบาท เพื่อรอคำพิพากษากรณีมีการปลอมมติบอร์ด ขสมก. เนื่องจากเคยทำหนังสือทักท้วงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่กลับเพิกเฉย กระทั่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจึงควรรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย และไม่เห็นด้วยหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้มาตรา 44 มาแก้ปัญหานี้
นายวัชระ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีการทุจริตในโครงการนี้ แต่รัฐบาล คสช. ไม่คิดที่จะจัดการ โดย นายณัฐชาติ จารุจินดา อดีตประธานบอร์ด ขสมก. ซึ่งลาออกหลังจากมีการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี มีการส่งไลน์บอกกับเพื่อน ว่า “คสช. ไม่สนใจเรื่องนี้หรอก” สอดคล้องกับกรณีที่ นายอาคม เติมพิทยาไพศิษฐ์ รมว.คมนาคม ที่ออกมาระบุว่า ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะมีการจ่ายเงินให้เอกชนและรับรถมา 100 คันแล้ว ทั้งที่ได้รับทราบปัญหาตั้งแต่ต้น เนื่องจากเคยทำหนังสือทักท้วงไปแล้ว
นายวัชระ ยังกล่าวถึงการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า มี 3 ประเด็นที่น่าสนใจ คือ 1. การทุจริตที่ดินที่ขุดได้ 2. ทุจริตการขยายเวลาจาก 900 วัน เป็น 2,382 วัน และ 3. ละเว้นค่าปรับการก่อสร้างกับบริษัทที่ล่าช้า โดยไม่ปรับอีกวันละ 12 ล้านบาท และมีการทำงบโป่งพองในโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภาจากสามพันล้านบาทเพิ่มเป็น 8,648 ล้านบาท ซึ่งมีการขอซื้อไมโครโฟนตัวละ 1.2 - 1.4 แสนบาท จัดงบประมาณจ้างที่ปรึกษาด้านไอซีทีของรัฐสภาใหม่สูงถึง 229 ล้านบาท จึงขอเตือนข้าราชการว่ากฎหมายจัดซื้อจัดจ้างปี 60 กำหนดบทลงโทษผู้ทุจริตสูงถึง 10 ปี ปรับสองหมื่นถึงสองแสนหรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องดีที่การประชุม ครม. ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 ไม่มีการพิจารณางบประมาณก้อนนี้ ซึ่งก็เกิดจากการที่ผู้แทนนอกสภา คือ ตนและนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.ออกมาแถลงคัดค้านว่าไม่ควรอนุมัติ เพราะเป็นงบโป่งพองส่อทุจริต ถ้าไม่มีอดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ แถลงคัดค้าน งบประมาณจำนวนนี้ก็จะถูกอนุมัติโดยง่ายดาย เพราะไม่มีฝ่ายตรวจสอบการทุจริตใน สนช. และในรัฐบาลนี้ จึงเป็นหน้าที่ของอดีต ส.ส. ต้องตรวจสอบ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ คือ เงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ แต่ผลการตรวจสอบครั้งนี้ ทำให้นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สนช. ส่งทนายไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตน 100 ล้านบาท แต่ตนไม่มีแม้แต่ล้านเดียว ซึ่งจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ