รองหัวหน้าพรรค ปชป. สยบข่าวลือย้ายพรรค ลั่นพอใจอยู่ค่าย ปชป. เผยชาวระยองเดือดร้อนกันทั่ว รัฐไม่เคยฟัง หากย้ายซบพรรคหนุน “บิ๊กตู่” คะแนนหดหาย
วันนี้ (22 เม.ย.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.ระยอง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า ผมอยู่ประเทศสิงคโปร์มาดูงานเรื่อง “การจัดการศึกษาของของท้องถิ่น” โดย อบจ. ระยอง ร่วมมือกันกับหลายองค์กร ที่มีศักยภาพ อยู่ดีๆ มีข่าวปรากฏว่า มีการทาบทามให้ผมย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ทราบว่า เพราะด้วยเหตุผลอะไร อาจเป็นเพราะชลบุรีมีข่าวไปแล้ว จึงมีคนพูดถึงจังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ติดกัน ความจริงถ้ามองให้ดีและเข้าใจให้ลึกซึ้ง และได้ติดตามการเมืองมาก็คงไม่มีคำถามแบบนี้ แต่ก็อยากจะชี้แจง สั้นๆ ว่า ไม่มีความคิดนี้ในสมองเลยครับ ต้องเข้าใจว่าผมเริ่มต้นและเติบโต ในพรรค “ประชาธิปัตย์” จากเป็น ส.ส. สมัยแรกและเติบโตมาเป็น กก.บห. ของพรรค มีตำแหน่งทางการเมืองตามลำดับ สุดท้ายในตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรค ซึ่งผมเข้าใจว่าถ้าผมอยู่พรรคการเมืองอื่น คงเป็นไปได้ยากมากเพราะผมเป็น ส.ส. บ้านนอก ไม่ได้มีเงินมากมายที่จะดูแล ส.ส. เป็นมุ้ง หรือก๊วน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีนโยบายแบบนั้นอยู่แล้ว และก็ไม่มีเงินมากมายเพื่อบำรุงพรรค แต่เพราะผมอยู่พรรคการเมืองที่ชื่อ “ประชาธิปัตย์” ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค ผมได้รับการเลือกตั้งจาก เพื่อนๆ ส.ส. ด้วยกัน อดีต รมต. ของพรรค ประธานสาขาพรรค ตัวแทนท้องถิ่น และ ตัวแทนสมาชิกพรรค จากทั่วประเทศเลือกตั้งผมมาให้มีตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรค” ซึ่งผมมีความภาคภูมิอย่างมากที่ได้รับการเลือกตั้งในตำแหน่งนี้ จึงพูดได้เลยว่าเรื่องการย้ายพรรคไปจากพรรค “ประชาธิปัตย์” คงไม่มีทางเป็นไปได้เลย
อีกประการหนึ่งผมได้รับฟังเสียงความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ ทั้งใน จ.ระยอง เอง และทั่วๆ ไปเขาสะท้อนได้ถึงความเดือดร้อน ในเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง การทำมาหากินของเขา รายได้ต้องลดลง บางรายต้องตกอยู่ในสภาวะเป็นหนี้เป็นสิน มีความยากลำบากในการทำมาหากิน ในขณะค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้ลดลง รัฐบาลไม่ยอมรับฟังเสียงความเดือดร้อนของพวกเขา เขาเสียใจเจ็บช้ำน้ำใจจากการที่สนับสนุน รัฐบาลท่าน พล.อ ประยุทธ์ ในตอนแรกที่เข้ามามีอำนาจ หวังให้ทำเรื่องที่สำคัญให้ประเทศถึงแม้เขาจะยากจนก็ตาม เช่น เรื่องปราบทุจริต แก้เรืองความขัดแย้งของคนในชาติ และปฏิรูปประเทศด้านสำคัญๆ แต่ปรากฏว่าไม่เกิดขึ้นเลยหลังจากผ่านมาแล้ว 4 ปีเต็มๆ แถมยังมีข่าวหนาหูและปรากฏหลักฐานในคนใกล้ตัวว่ากลับเป็นเสียเอง อันนี้ยิ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เสียใจ อย่างมาก
“แล้วถ้าผมย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกรอบ แถมทำตัวว่าทำท่า จะมีลักษณะพฤติกรรมการเมืองแบบเก่า ที่ท่านประยุทธ์เคยด่าว่าเป็นนักการเมืองเลว และยังส่อจะเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นในหลายๆ เรื่องอีก แล้วจะมีประชาชนที่ไหนมาเลือกผมล่ะครับ ถามจริงๆ” นายสาธิต กล่าว