“บิ๊กตู่” ไม่ให้ไปต่อ ปรับแผนงบฯ จ.พิจิตร ขอเปลี่ยนโครงการพาคนชราดูงานอาเซียน วงเงิน 1.5 ล้าน โอนมาพัฒนาศักยภาพ “สมาชิก อส.” วงเงิน 2.8 แสน แทน เหตุ สตง.ทักท้วง-มติ ครม.งดดูงาน เผย ปรับแผนฯ รอบ 3 ปีงบ 61 แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้เศรษฐกิจภายในประเทศ นายกฯ ไฟเขียวโอนเปลี่ยน 200 รายการ งบ 1,170 ล้าน
วันนี้ (16 เม.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2561 ได้เห็นชอบการขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2561 แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (ครั้งที่ 3) รวมทั้งสิ้น 200 รายการ/กิจกรรม งบประมาณ 1,170 ล้านบาท
ทั้งนี้ รับทราบรายการโอนเปลี่ยนแปลงและหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการที่หน่วยรับงบประมาณ สามารถพิจารณาดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการได้ รวมทั้งสิ้น 75 รายการ/กิจกรรม งบประมาณ 645 ล้านบาท, รับทราบการใช้งบประมาณที่เหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย โครงการ กิจกรรม หรือรายการตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณหรือการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน 67 รายการ/กิจกรรม งบประมาณ 172 ล้านบาท และเห็นชอบให้หน่วยรับงบประมาณโอนและหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการ จำนวน 57 รายการ/กิจกรรม งบประมาณ 352 ล้านบาท และไม่ควรให้ความเห็นชอบ จำนวน 1 รายการ/กิจกรรม งบประมาณ 2.8 แสนบาท
มีรายงานว่า สำหรับโครงการที่ไม่ได้รับความเห็นชอบ งบประมาณ 2.8 แสนบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตภาคเหนือ ในชื่อ “เมืองพิจิตรเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ” เพื่อศักยภาพเครือข่ายผู้สูงอายุสู่อาเซียน ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิจิตร ที่ขอเปลี่ยนจากโครงการพาผู้สูงอายุจาก จ.พิจิตร ไปศึกษาดูงานยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน วงเงิน 1.5 ล้านบาท มาเป็นโครงการสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งด้านการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ของที่ทำการปกครองจังหวัดพิจิตร วงเงิน 2.8 แสนบาท และโครงการแผนพัฒนาจังหวัด (ระยะที่ 2) วงเงิน 1.2 ล้านบาท ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนฯ 12 นโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้ จ.พิจิตร อ้างว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี 3 มี.ค. 2558 มีมติให้งดเว้นการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิจิตร จึงขอส่งคืนงบประมาณโครงการ เพื่อใช้ในการโครงการอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อสังคม
โดย จ.พิจิตร ขอโอนงบประมาณมายัง ที่ทำการปกครองจังหวัดพิจิตร ตามโครงการพัฒนาศักยภาพให้สมาชิก อส. จ.พิจิตร เพื่อค้นหาบุคคลหรือยานพาหนะที่ผ่านเข้าออกพื้นที่ รวมถึงให้สมาชิก อส. มีความรู้และทักษะในการตรวจค้นอาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการกระทำผิดต่าง ๆ และค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายในยานพาหนะต่าง ๆ และเพิ่มทักษะในการคิดวิเคราะห์หาข้อมูลในการวางแผน ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่รับผิดชอบตามความเหมาะสม โดยโครงการนี้ ก.บ.จ.ครั้งที่ 2/2561 ได้เห็นชอบเมื่อเดือน มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยที่ประชุม นายกฯไม่เห็นชอบให้โอนเปลี่ยนโครงการพัฒนาศักยภาพ อส. แต่เห็นชอบโอนไปงบพัฒนาจังหวัด
สำหรับโครงการที่ผ่านความเห็นชอบให้โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ที่น่าสนใจ เช่น จ.กาญจนบุรี 2 โครงการ วงเงิน 35,793,400 บาท ขอเปลี่ยนโครงการพัฒนาระบบตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อพัฒนาการขายสินค้า วงเงิน 26 ล้านบาท มาเป็นโครงการปรับภูมิทัศน์ อ่างเก็บน้ำห้วยกระพ้ออันเนื่องมาจากราชดำริ อ.หนองปรือ วงเงิน 16 ล้านบาท เปลี่ยนโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแคว อ.ไทรโยค วงเงิน 9.8 ล้านบาท มาเป็นโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง อ.เลาขวัญ วงเงิน 4.8 ล้านบาท โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง อ.ด่านมะขามเตี้ย วงเงิน 4.6 ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณต้นจามจุรียักษ์ วงเงิน 5 ล้านบาท
โครงการ จ.พิษณุโลก ขอโอนเปลี่ยนงบประมาณ โครงการพัฒนาระบบกระจายสินค่าสมุนไพร และสินค้าเกษตรผ่านระบบดิจิทัล (Northern Digital Dropship) และการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมดิจิทัล งบประมาณ 33,500,000 บาท ของมหาวิทยาลัยนเรศวรมาเป็นโครงการจัดซื้อเรือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากพื้นที่ลุ่มต่ำ ลุ่มน้ำยม-น่าน ประจำปี 2561 ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก วงเงิน 32,970,000 บาท โดยสาเหตุที่ยกเลิกเนื่องจากโครงการมีกิจกรรมที่ต้องจัดซื้อครุภัณฑ์ ที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีขั้นตอนที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการมาก โครงการใหม่ เป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
จ.เพชรบุรี ขอเปลี่ยนแปลงโครงการระบบการจัดการเศษอาหารและชีวมวล เพื่อเพิ่มการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงานและการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับเมืองชะอำจังหวัดเพชรบุรี และเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน รวม 20 ล้านบาท รายการจัดซื้อรถรถเก็บเศษอาหารที่สามารถใช้ระบบก๊าซชีวภาพ 2 คัน วงเงิน 4 ล้านบาท งบดำเนินงาน 6 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาวิจัยระบบการจัดการเศษอาหารและชีวมวล 10 ล้านบาท ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทักทวงถึงความเหมาะสมในการบริหารจัดการโครงการ มาเป็นโครงการออกแบบรายละเอียดการพัฒนาโครงข่ายการจราจรทางบกและการปรับภูมิทัศน์ เพื่อเชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเก่า อ.เมือง จ.เพชรบุรี รายการค่าจ้างศึกษาออกแบบรายละเอียดการพัฒนาโครงข่ายฯ วงเงิน 20 ล้านบาท ของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบุรี
จ.สิงห์บุรี ขอโอนเปลี่ยนแปลง โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม วงเงิน 11,925,000 บาท กิจกรรมบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม วงเงิน 4.5 ล้านบาท งบลงทุน รายการก่อสร้างปรับปรุงศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรวงเงิน 7,425,000 บาท ของเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี มาเป็น งบลงทุนครุภัณฑ์ รายการจัดซื้อรถยนต์กึ่งพ่วงขนขยะมูลฝอย ตู้บรรทุกขยะมูลฝอยพร้อมชุดอัด-คาย ขยะมูลฝอยความจุไม่น้อยกว่า 40 ลบ.ม. เป็นเงิน 9,000,000 บาท และรายการก่อสร้างปรับปรุงศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร วงเงิน 2,925,000 บาท “โครงการเดิมชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วยจากปัญหากลิ่นขยะ จึงขอโอนเปลี่ยนกิจกรรมใหม่ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาล คือ การบริหารจัดการขยะที่ปลายทางโดยถูกหลักวิชาการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นสถานีขนถ่ายแบบวันต่อวัน”
จ.พระนครศรีอยุธยา ขอโอนเปลี่ยนแปลง โครงการอยุธยาเฟสติวัล : มหกรรมดนตรีศรีอยุธยา วัฒนธรรมไพร่ฟ้าแห่งแผ่นดิน รายการจ้างเหมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด วงเงิน 27,265,000 บาท มาเป็น โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและปรับปรุงภูมิทัศน์ริมแม่น้ำป่าสักบริเวณวัดโพธิ์ทอง หมู่ที่ 3 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง วงเงิน 17 ล้านบาท และ แผนงานพัฒนาบริการสุขภาพในโรงพยาบาล เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน วงเงิน 10,650,000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนความไม่พอเพียงในการให้บริการด้านสาธารณสุข อุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเป็นโรงพยาบาลศูนย์มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมากทั้งประชาชนในพื้นที่ แรงงานเคลื่อนย้ายรวมถึงนักท่องเที่ยว
จ.อุตรดิตถ์ ขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวล้านนา รายการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองลับแล โดยการนำสายไฟฟ้าและสายเคเบิลลงดิน วงเงิน 112,066,500 บาท เนื่องจากการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองลับแลโดยการนำสายไฟและสายเคเบิ้ลลงดิน ไม่มีความพร้อมในการดำเนินงาน ทั้งในด้านระเบียบกฎหมาย อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ และความพร้อมของรูปแบบรายการ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ โดยขอโอนเปลี่ยน 9 โครงการ วงเงิน 98,694,830 บาท ประกอบด้วย
โครงการก่อสร้างศูนย์กีฬาแบดมินตัน 25.6 ล้านบาท โครงการจัดการแข่งขันไตรกีฬาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 15 ล้านบาท โครงการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ 8 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางหลวงผ่านย่านชุมชน ทางหลวง หมายเลข 117 ตอนไร่อ้อย-อุตรดิตถ์ 4 ช่องจราจร 30 ล้านบาท โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย 3 ล้านบาท โครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากแบบบูรณาการ 5.4 ล้านบาท โครงการพื้นที่สร้างสรรค์อุตรดิตถ์-ติดยิ้ม 5 ล้านบาท โครงการสร้างพลังอาสาพัฒนาชุมชน สบู่ไทยแลนด์ 4.0 วงเงิน 5.7 ล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานคณะกรรมการหมู่บ้าน 981,800 บาท เป็นต้น