เลขาฯ สมช.ระบุฝ่ายมั่นความมั่นคงติดตามสถานการณ์ในซีเรียใกล้ชิด เชื่อไม่น่าบานปลายเพราะมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายในวงจำกัด แต่ไม่ประมาท
วันนี้ (15 เม.ย.) พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดหลังกองทัพของสหรัฐอเมริกาปฏิบัติการโจมตีทางทหารกับประเทศซีเรียว่า ฝ่ายความมั่นคงของประเทศมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงต้องมีการประเมินเป็นระยะ ส่วนการโจมตีของสหรัฐฯ ความสูญเสียของประชาชนจะน้อย เพราะสหรัฐฯ มุ่งโจมตีสถานีผลิตศูนย์วิจัยอาวุธเคมี ตรงนี้น่าจะไม่มีการขยายวงกว้างมากขึ้นในการโจมตี เป็นการป้องกันไม่ให้กระทบประชาชน
เขากล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องติดตามอยู่แล้ว ส่วนผลกระทบในภาพรวมแน่นอนย่อมเกิดผลกระทบไปในภูมิภาคและทั่วโลก เพราะประเทศมหาอำนาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านเศรษฐกิจก็ต้องมีผลกระทบบ้าง เพราะประเทศซีเรียก็ถือว่าเป็นประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่ ตลาดหุ้นคงมีตกใจบ้าง
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศต้องเรียกประชุมอะไรเป็นพิเศษเพื่อเตรียมความพร้อมหรือไม่ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า จะประเมินต่อไป ดูว่ามีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ และไทยในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ การดำเนินการต่างๆ จะยึดกฎหมายระหว่างประเทศ เราก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เกิดความรุนแรง อยากให้ทั้งสองฝ่ายอดทนอดกลั้น สำหรับสถานการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ถ้ามองแง่ดีไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงมากขึ้น เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ประชาชนวิตกจนมากเกินไป อย่างไรขอให้ติดตามสถานการณ์ ส่วนคนไทยที่ซีเรียสตอนนี้จะในส่วนของแรงงานไทยในอิสราเอล อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งคิดว่าฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตที่นั้นคอยดูแลอยู่แล้ว
เพิ่มเติมจ้า
พล.อ.วัลลภยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้อาวุธเคมีเป็นเรื่องที่หลายประเทศไม่เห็นด้วยตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เนื่องจากอานุภาพการนำมาใช้โจมตีดังกล่าวเป็นการทำลายชีวิตและสร้างความสูญเสีย อย่างไรก็ดี ไทยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียและอยากให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหว ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ เพิ่มเติมนอกจากติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า หากสถานการณ์ดังกล่าว สร้างความห่วงกังวลยิ่งขึ้น อาจจะมีการประชุมองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ซึ่งสามารถเรียกประชุมฉุกเฉินได้หรือหากมีชาติสมาชิกร้องขอ
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติยังกล่าวด้วยว่า ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในปลายเดือนเมษายนนี้ซึ่งจะมีโอกาสได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ นั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการหารือในเรื่องประเด็นซีเรียด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็นการนัดหมายและวางกำหนดการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว