ศาล รธน. รับคำร้องวินิจฉัย 2 มาตราร่าง พ.ร.ป.ส.ส. และแนวปฏิบัติพรรคการเมืองตามคำสั่ง คสช. 53/2560 ขัด รธน. หรือไม่ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - ผู้ร้องทำหนังสือแจงภายใน 25 เม.ย. นี้
วันนี้ (11 เม.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ 231 (1) ว่า พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 140 และมาตรา 141 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, 26, 27 และมาตรา 45 หรือไม่ ไว้พิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากกรณีเป็นการยื่นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 (1) และ พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 50 และหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบ
รวมทั้งเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หัวหน้า คสช. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จัดทำความเห็นเป็นหนังสือ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 25 เม.ย. 2561
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติรับคำร้องที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งความเห็นของสมาชิก สนช. จำนวน 27 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรค 1 (1) ประกอบมาตรา 263 ว่า ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาตรา 35 (4) และ (5) มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 95 วรรค 3 และร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 92 วรรค 1 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 85 หรือไม่ ไว้วินิจฉัยแล้ว เนื่องจากกรณีเป็นการยื่นตามมาตรา 148 วรรค 1 (1) ประกอบมาตรา 263 และ พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 50 และมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบ
รวมทั้งเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้ นายปรีชา วัชราภัย สมาชิก สนช. ซึ่งเป็นผู้แทนของฝ่ายผู้เสนอความเห็น ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 วรรค 5 และ ประธาน กกต. จัดทำความเห็นเป็นหนังสือ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 25 เม.ย. 2561
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 2 มาตรา ของร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ประธาน สนช. ขอให้มีการวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ มาตรา 35 ระบุว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่ได้เเจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่มอาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว แต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ผู้นั้นจะถูกจำกัดสิทธิ์ (4) การดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมืองและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา (5) สิทธิในการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ส่วนมาตรา 92 วรรค ระบุว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุในการออกเสียงลงคะแนนให้คณะกรรมการ หรือผู้ได้รับมอบหมายให้มีการอำนวยความสะดวกสำหรับการออกเสียงลงคะแนนของบุคคลดังกล่าวไว้เป็นพิเศษ หรือจัดให้มีการช่วยเหลือในการออกเสียงลงคะแนนภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวต้องให้บุคคลนั้นได้ออกเสียงลงคะแนนด้วยตนเอง ตามเจตนาของบุคคลนั้น เว้นแต่ลักษณะทางกายภาพทำให้คนพิการ หรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไม่สามารถทำเครื่องหมายลงในบัตรเลือกตั้งได้ ให้บุคคลอื่น หรือกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเป็นผู้กระทำการเแทนโดยความยินยอม และเป็นไปตามเจตนาของคนพิการ หรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุนั้น ทั้งนี้ให้ถือเป็นการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ