อดีต กกต. อุ้มพระปางอภัยทาน อำลาตำแหน่ง ระบุพร้อมให้อภัยทุกฝ่าย ไม่ใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อให้กลับมาเป็น กกต. ย้ำรัก “ลุงตู่” จึงเตือน ไม่อยากให้เชื่อคนใกล้ตัวเกินไปจนเดินทางผิด เตรียมเที่ยว ตปท.- เขียนหนังสือบอกเล่าประสบการณ์ ด้านการอำลาไร้เงา 4 กกต.-ผู้บริหาร อ้างติดภารกิจข้างนอก หวั่นถูก คสช. เพ่งเล็ง
วันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (23 มี.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้เดินทางอำลาเจ้าหน้าที่ กกต. จากชั้น 9 จนถึงชั้น 1 โดยมีเจ้าหน้าที่นำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจ โดย นายสมชัย เดินออกจาก กกต. พร้อมพระพุทธรูปปางอภัยทาน ซึ่งเป็นพระที่รองเลขา กกต. มอบให้ในช่วงที่เข้ามาทำงาน มีองค์เดียวในประเทศไทย พร้อมระบุว่าเป็นการบอกว่าเมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วก็อภัยให้กับทุกอย่าง ทุกคนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่ได้ทำงานร่วมกันมา หรือกระทบกระทั่งกัน เพราะการอภัยถือเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ ถ้าถือโทษโกรธใครจะหนักตัวเองเปล่าๆ ต้องปล่อยวางทุกเรื่อง ถือว่าทุกอย่างจบสิ้นลงไม่ได้ติดใจอะไร
“การออกจากงานหมายถึงว่าออกด้วยความยิ้มแย้ม เป็นสุข รวมถึงอภัย คสช. ที่มีคำสั่งปลด และทุกๆเรื่องที่ประสบมา 4 ปี เพราะทุกคนที่ทำมีเหตุผลและส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการทำงานของเราด้วย จากนี้ไปก็จะพักผ่อนสัก 1 เดือนแล้วค่อยว่ากัน โดยจะขอภรรยาไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมลูกสาวและใช้เวลาเขียนหนังสือ ถึงสิ่งที่ได้ประสบมา 4 ปี”
นายสมชัย ยังยืนยันว่า หลังจากนี้ยังจะแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ไม่ทำร้ายประเทศ แม้ว่าการพูดอาจจะกระทบต่อ คสช. แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศก็จะพูด ไม่ได้คิดโกรธหรือเครียดแค้น มีอคติต่อใคร ส่วน กกต. 4 คน ที่เหลือก็ขอเอาใจช่วยในการทำงานที่เหลือให้ประสบความสำเร็จ เพราะงาน กกต. ถือเป็นภาระที่ต้องเสียสละ ส่วนตนพ้นมาด้วยความสุขแล้ว
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า จะไม่ใช้สิทธิในช่องทางศาลเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง หรือทำให้กลับมาเป็น กกต. อีก ตนยอมรับอำนาจของ คสช. เพียงแต่เหตุผลขอให้มีความชัดเจน หากคุมเครือก็ขอใช้สิทธิในการชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง อย่างที่ระบุว่าตนพูดทำให้กระบวนการเลือกตั้งสับสน ซึ่งข้อเท็จจริง คือ ตนพูดตามกฎหมาย ส่วนการใช้คำสั่ง คสช. ดังกล่าวจะมีผลต่อการทำงานขององค์อิสระใดๆ ต่อไปหรือไม่ ก็ขอไปพูดในงานเสวนา ที่คณะกรรมการญาติวีรชนจะจัดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 25 มี.ค. ที่สมาคมนักข่าวฯ เพราะว่ามีรายละเอียดมาก และจะอธิบายถึงคำทำนายที่ 7 ที่จะเกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องการสมัครเลขาฯ กกต. นั้น นายสมชัย กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ถอนตัว ดังนั้น ยังถือว่าเป็นผู้สมัคร และขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสรรหา แต่ทั้งนี้ ไม่ได้ติดใจอะไร หากจะไม่ผ่านเกณท์การพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ หรือหากผ่านแต่มีการเรียกสัมภาษณ์แล้วตนไม่อยู่ไปต่างประเทศ ก็จะขอสละสิทธิ์ และมั่นใจว่าการถูกคำสั่งปลดออกจาก คสช. ไม่น่ากระทบต่อการไปสมัครงานในตำแหน่งอื่นๆ เนื่องจากไม่ได้พ้นเพราะผิดวินัยร้ายแรง ไม่ได้ทุจริตในการปฎิบัติหน้าที่ แค่แสดงความเห็นต่าง
เมื่อถามว่า ติดใจหรือไม่ที่นายกฯ ระบุว่า มีหน่วยงานขอมาให้ปลดนายสมชัย นายสมชัย กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงแล้วว่า หน่วยงานไหนที่เสนอท่านนายกฯ ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจ คสช. กับรัฐบาล ท่านควรที่จะปลด เเพราะเป็นการใ้ข้อมูลกับนายกฯ ที่ผิดจากที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 102 และ 103 กำหนด จนทำให้นายกฯพูดผิด ตนพูดเพราะเป็นห่วงท่าน เนื่องการพูดแบบนี้จะนำไปสู่การบริหารบ้านเมืองในทางที่ผิดได้ ตนพูดด้วยความเป็นห่วงและรักท่าน
“วันเกิดท่านนายกก็อวยพรท่านขอให้ท่านประสบความสำเร็จในฐานะที่ท่านเป็นนายกฯ ใครก็รักลุงตู่ ผมก็รักลุงตู่”
ผู้สื่อรายงานว่าในการอำลาวันนี้ ทางสำนักงาน กกต. ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพการอำลาเจ้าหน้าที่ของนายสมชัย ขณะเดียวกันผู้บริหารระดับสูงของ กกต. ต่างก็อ้างว่าติดภารกิจภายนอก รวมทั้งกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ใครอยู่สำนักงานเลย จึงไม่ได้มาอยู่ส่งนายสมชัย มีเพียงพนักงานระดับล่าง มามอบดอกไม้ให้กำลังใจ และจำนวนหนึ่งเดินมาส่งที่รถ ซึ่งมีรายงานว่า กกต. และผู้บริหารไม่ต้องการให้เป็นที่เพ่งเล็งของ คสช. เนื่องจาก คสช. มีคำสั่งให้นายสมชัย พ้นจาการทำหน้าที่ทันที ดังนั้น จึงไม่ควรแสดงออกอย่างเอิกเกริก ทั้งที่ผ่านมาในการทำงานนายสมชัย ถือว่าเป็น กกต. ที่ทำงานและบุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่ออำนวยความสำดวกกับการจัดการเลือกตั้ง และการออกเสียงประชามติ