“ประยุทธ์” เผยเพลงใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน” แต่งให้ ครม. ทำเพื่อชาติ ขอบคุณประชาชนมีศรัทธาให้อยู่มาได้ 4 ปีแล้ว บอกเหนื่อยแต่ไม่บ่น
วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแต่งเพลงใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน” ว่าเพลงนี้มีทำนองคล้ายเพลงประกอบละครเรื่องบุพเพสันนิวาส เพื่อความสอดคล้องกับสถานการณ์ คนใส่ทำนองเป็นคนเดียวกับที่แต่งเพลงประกอบละครบุพเพสันนิวาส เพลงนี้ต้องการให้รู้ว่าวันนี้เราทำเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่แผ่นดินของเรา และอยากให้ย้อนกลับไปดูเพลงแผ่นดินของเราในสมัยก่อน แม้บางคนจะเกิดไม่ทันก็ตาม วันนี้เรากำลังทำเพื่อแผ่นดิน โดยทุกคนต้องช่วยกันในแบบประชารัฐ เชื่อว่าเมื่อทำแล้วก็จะเกิดผลดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้จะมีคำติดฉินนินทาอยู่บ้าง แต่นายกฯ ก็ทนได้ นอกจากนี้ ได้กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่าได้เขียนเพลงใหม่ โดยถือว่าเขียนให้ ครม.ทุกคน เพื่อขอบคุณที่ทุกคนมีจิตใจเดียวกับตนในการทำเพื่อแผ่นดิน
“อย่าติติงกันมากเลย ผมก็อยู่มาเกือบ 4 ปีแล้ว ที่บอกว่าเจอมรสุมหลายเรื่อง บางทีมันก็ไม่ใช่มรสุม แต่เป็นมรสุมจากลมเพลมพัดบ้างอะไรบ้าง ผมก็ทนได้ เพราะมีความตั้งใจและแรงศรัทธา จะเชื่อมั่นหรือไม่เชื่อมั่นผม แต่ผมก็ขอบคุณที่เชื่อมั่นให้ผมอยู่มาได้ 4 ปีแล้ว แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จเลย หลายอย่างจะทำต่อหรือไม่ทำต่อก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า นักการเมืองและพรรคการเมืองที่จะเข้ามาขอให้คิดแบบผมหน่อย แม้ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ ถ้าท่านเสนออะไรที่ดีกว่านี้ที่แก้ปัญหาครบวงจร แต่ไม่ค่อยมีใครที่อยากแก้ไขปัญหาทั้งระบบเพราะมันยาก ทำให้เกิดข้อติติงต่างๆ มากมาย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แม้บ้างคนจะบอกว่ารัฐบาลนี้มีมาตรา 44 แต่ถามว่า ม.44 นี้จะมีตลอดไปหรือ วันหน้าไม่คิดจะทำให้ได้อย่างที่ตนทำโดยไม่ใช้ ม.44 หรืออย่างไร เหล่านี้จะทำได้โดยมียุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ โดยต้องพึ่งความร่วมมือของฝ่ายค้าน รัฐบาล หลักการของยุทธศาสตร์ชาติจะต้องเดินไปด้วยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสร้างถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน จะต้องเห็นชอบในประโยชน์ของประชาชน รัฐบาลนี้ไม่ได้รับฟังมาจากนักการเมือง แต่เกิดจากการที่ได้ไปประชุมเอง และความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะเห็นว่าแผนงานโครงการลงไปในพื้นที่ค่อนข้างมาก โดยรัฐบาลได้พิจารณาจากการรับฟังความเห็นจากประชาชนผ่านกลไกประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เช่นเดียวกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน รัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อการเมือง แต่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถโดยให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือมีปัญหาตรงที่ในแต่ละพื้นที่นั้น ลูกหลานได้ออกไปทำงานนอกพื้นที่ของตัวเอง แล้วปล่อยให้คนแก่คนเฒ่าอยู่บ้าน รวมถึงปัญหาหนี้สินซึ่งหมักหมมมานาน มีการกู้ยืมเพื่อมาทำไร่ทำนา แม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถยกหนี้ให้ได้ แต่เราพยายามแก้ไขปัญหาทั้งระบบ จึงต้องเดินหน้าทำต่อไป
“ใครก็ตามที่มีเจตนามาต่อว่ารัฐบาล หากเจตนาบริสุทธิ์มันก็ดูออก รวมถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์เราก็ดูออก ดังนั้น ผมจะสนในเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อทบทวนและแก้ไขปัญหา ผมไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ จึงต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ถ้าส่วนราชการไม่ฟังประชาชน ทุกอย่างก็เดินหน้าไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หวังว่าที่พูดมาทั้งหมดนี้คงไม่ยากที่จะเข้าใจ และกล่าวว่า “ผมไม่ได้เก่งกว่าท่าน ท่านเก่งกว่าผมอีก เพราะท่านหาประเด็นเขียนได้ทุกวัน ผมหาประเด็นเขียนทุกวันอย่างท่านไม่ได้ วันหนึ่งท่านก็มานั่งจดๆ แล้วก็มาเขียนเป็นข่าว เก่งนะ ส่วนผมกว่าจะทำอะไรได้ ทั้งคิดเอง และที่เขาเสนอมา ร่วมถึงอ่านเอกสาร กว่าจะพูดออกมาเช่นนี้ได้ ผมเหนื่อยแต่ไม่บ่น เพราะเดี๋ยวจะหาว่าผมบ่นเพื่อทวงบุญคุณ เป็นอย่างนี้ทั้งปี ถามว่าคนเราเหนื่อยไม่เป็นหรืออย่างไร เวลานักข่าวเหนื่อยก็บ่นว่าเหนื่อย แล้วนายกฯ บ่นไม่เป็นหรือไง เส้นทางการเป็นนายกฯ ของผมไม่ใช่ทางการเมือง แต่ก็มาทำงานการเมือง ขออย่าได้เขียนบิดไปมา เพราะจะเป็นประโยชน์ให้คนไม่หวังดี” นายกฯ กล่าว