ข่าวปนคน คนปนข่าว
ข้อหาหนักอยู่ครบ!! “อัยการ” สั่งฟ้อง “เสี่ยเปรมชัย” แค่ 6 จาก 11 ข้อหา ที่ตำรวจชงสำนวนมา ข้อหาสำคัญ “ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ-ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ” ยังอยู่ ส่วนที่ตกหล่นไป 5 ข้อหา ประจานสำนวนตำรวจไม่สมบูรณ์ ทั้งที่ “ศรีวราห์” กำกับด้วยตัวเอง
อย่าเพิ่งดรามา.. จากกรณี “อัยการ” สั่งฟ้อง “เจ้าสัวอิตาเลียนไทย” เปรมชัย กรรณสูต และชาวคณะ ในคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ แค่ 6 ข้อหา จาก 11 ข้อหา ที่ทางตำรวจสรุปสำนวนมา .. ก็เมื่อดูในรายละเอียด “คดีโทษหนัก” ยังอยู่ครบ ที่ตกหล่นไป 5 ข้อหา ก็มีเหตุผลที่ฟังได้ ยังไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่ามีใครทำ “สำนวนหลวมโพรก” อย่างที่ห่วงกัน .. ไล่เรียง 6 ข้อหาที่สั่งฟ้อง หากศาลชี้เปรี้ยง ลงโทษเต็มลิมิต รวมๆ แล้วมีสิทธิ์ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ “ฮ่องกง” เป็น 10 ปีเหมือนกัน .. ตั้งแต่พกพาอาวุธปืนฯ คุกสูงสุด 10 ปี ครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองฯ คุกไม่เกิน 4 ปี ซ่อนเร้นซากสัตว์ป่าฯ คุกไม่เกิน 1 ปี เก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนฯ อันนี้ก็คุก 1-10 ปี .. โดยเฉพาะ “คดีเรือธง” ที่นักอนุรักษ์-ภาคประชาชนจับตาอยู่ ทั้ง “ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ-ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ” ที่มีโทษคุกไม่เกิน 5 ปี และ 4 ปี ตามลำดับ ก็ยังอยู่ครบ .. ที่ติดอยู่นิดก็ตรง “ค่าเสียหาย” ที่ทางอัยการตีมูลค่าชีวิต “เสือดำและพ้องเพื่อน” แค่ 4.62 แสนบาท โดยไปเทียบเคียงกับราคาเสือดำ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ซื้อตั้งแต่ปีมะโว้ 2549 .. ลดฮวบฮาบจาก 12 ล้านบาท ที่กรมอุทยานฯ เตรียมเรียกค่าเสียหายทางคดีแพ่ง โยนดาบนี้ให้กรมอุทยานฯ ไปฟ้องดำเนินคดีเอาเอง ..
เสร็จสิ้นขั้นตอนของอัยการ ต่อไปก็จะตีกลับไปที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดี จะฟ้องได้ช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่ทางตำรวจเห็นแย้งหรือไม่ อย่างไร .. เหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องถึง 5 ข้อหา ตามที่ตำรวจชงสำนวนมานั้น ก็ทั้งตอกหน้า และประจานการทำงานของ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ว่า จงใจปั่นจำนวนข้อหา ทั้งการเขียนแบบไม่เข้ามาตรา หรือ การสรุปข้อหาซ้ำซ้อนกัน ประมาณ “เอาเยอะเข้าว่า” หรือไม่ .. คำถามก็ย้อนกลับมาที่ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ผู้ทำตัวเป็นเต้ยด้านกฎบัตรกฎหมาย ที่ลงไปกำกับด้วยตัวเอง ว่าปล่อยผ่านมาได้อย่างไร ด้วยสำนวนที่ไม่สมบูรณ์ ถูกตีกลับ-ไม่สั่งฟ้อง หรือแค่หวัง “โชว์ออฟ” แต่ขาดความแม่นยำในมิติข้อกฎหมาย .. ถือเป็น “คดีตัวอย่าง” ที่เพิ่มน้ำหนักให้กับข้อเสนอ “ปฏิรูปตำรวจ” ในส่วนของงานสืบสวน สอบสวน ที่จะให้ “อัยการ” เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ดีกว่าแค่เพิ่มเบี้ยหวัด-ค่าตอบแทนให้ “พนักงานสอบสวน” อย่างเดียว
ใครๆ ก็ไม่รัก! “หญิงหน่อย” เดินเกมเสี่ยง ยื่นคำขาด “นายใหญ่” ขอการันตี “หัวหน้าพรรค” พ่วงออปชัน “แคนดิเดตนายกฯ” หลังถูกขาใหญ่ “เฉลิม-ยงยุทธ” แตะมือชงชื่อ “เฮียเพ้ง” ขวางลำ ออกปากเปรย “ทีมงานวังทองหลาง” หากงวดนี้วืดจ่าฝูงเพื่อไทย อาจถึงเวลาชิ่งไปตั้งพรรคเอง
อั้นกันมานาน .. บรรยากาศช่วงนี้เลยเห็น “นักการเมือง-นักเลือกตั้ง” คึกคักกันเป็นพิเศษ เพียงแค่เปิดที่ทำการพรรค ให้ยืนยันสมาชิกภาพได้ ก็กระชุ่นให้เลือดได้สูบฉีดกันแล้ว .. โดยเฉพาะฟากฝั่ง “พรรคเพื่อไทย” ที่แต่ละหน่อโดนล็อกเป้า จนหลายคนต้อง “แกล้งตาย” มานาน .. ปะเหมาะก็ถือโอกาสจัดกิจกรรม รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในพรรค เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ไปทีเดียวเลย .. ระดับคีย์แมนมากันเกือบจะพร้อมหน้า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ - เสนาะ เทียนทอง - พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ - ภูมิธรรม เวชยชัย - ปลอดประสพ สุรัสวดี - จาตุรนต์ ฉายแสง หรืออย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่งานนี้ขอแว่บเข้าประตูหลัง ไม่ปรากฏตัวให้เห็นหน้า .. ไม่เว้นกระทั่ง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีข่าวว่าอาจจะไม่เดินทางมา ด้วยชื่อตกหล่น ไม่เคยเป็นสมาชิกมากก่อน แต่ก็ยังแวะมาเช็กชื่ออย่างไม่เป็นทางการ .. สุดท้ายก็ไม่พ้นคำถามวนลูปว่าใครจะมาเป็น “ผู้นำเพื่อไทย” ต่างคนต่างก็ออกตัวว่า ยังไม่ถึงเวลาคิด ด้วยไทม์ไลน์เลือกตั้งยังไม่ชัดเจนนัก .. ทั้ง “สมชาย” ที่ไม่ตอบรับ-ไม่ปฏิเสธ ตามฟอร์ม มีเพียงการแย้มๆ ว่า เมียสุดที่รักอย่าง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เตรียมวางมือทางการเมือง ที่ไม่ค่อยมีคนเชื่อเท่าไร .. หรือรายของตัวเก็งเต็งหนึ่ง “หญิงหน่อย” ที่มีชื่อคั่วเก้าอี้มาตลอด ก็ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่เคยพูดว่าอยากเป็นหัวหน้าพรรค-ไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็น” ก่อนตัดจบว่า “อย่าไปไร้สาระกับบางเรื่อง” ..ตามสคริปต์ก็แค่คิว “เบี่ยงกระแส”ประสาคนชั่วโมงบินสูง รู้ดีว่าหากออกตัวแรง ก็จะมี “คลื่นใต้น้ำ” ก่อหวอดต่อต้านภายในพรรคอีก .. เหมือนเมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ที่มีข่าวว่าลูกพรรคบางกลุ่มหอบวีรกรรม “เจ๊” ไปฟ้อง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ถึงเกาะฮ่องกงนู่น ..
สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ว่า “ขาใหญ่ในพรรค” ทั้งรายของ “เหลิม บางบอน” ประกาศแตะมือกับ “ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช ตั้งป้อมปราการ ขวางทาง “เจ้าแม่นครบาล” สุดฤทธิ์ .. เป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้มีชื่อ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ดีกรี “สายตรงนายใหญ่” หลุดออกเป็นคู่เทียบ .. อีกทั้งยังมีข่าวว่าที่ช่วงนี้ติดต่อ “ยงยุทธ” ไม่ค่อยได้เพราะต้องคอยไปพัดวีเกาะติดสองพี่น้องตระกูลชินฯ อยู่ที่ต่างแดน มีนัยซ่อนเร้นก็เพื่ออยู่กั๊กไม่ให้ “ฝ่ายเจ๊” เข้าถึง “นายแม้ว” อย่างสะดวกโยธิน .. ล่าสุดก็ไปประกบแจ หลัง “พี่ษิณ-น้องปู” ออกจากแดนปลาดิบมาพำนักพักผ่อนพร้อมมอนิเตอร์สถานการณ์ เช็กชื่อลิ่วล้ออยู่ที่คฤหาสน์หรูในสนามกอล์ฟไพน์ วัลเลย์ กรุงปักกิ่ง .. แม้ว่าจะมีแรงหนุนจาก “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ออกตัวถือหาง “สุดารัตน์” ให้อุ่นใจ แต่ก็รู้ตัวดีว่าเส้นทางขึ้นจ่าฝูงยังมีอุปสรรคอีกเพียบ .. ด้วยความคลุมเครือที่เกิดขึ้นจึงมีข่าวว่า “เจ้าแม่นครบาล” ถึงขนาดยื่นโนติสถึง “นายใหญ่” เพื่อขอให้ออกปากการันตีตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”.. แต่นั่นก็แค่ “หัวโขน” ด้วยความคาดหวังของ “หญิงหน่อย” ที่แท้จริง คือ ออปชันพิเศษในการใส่ชื่อเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคต่างหาก .. แต่ผ่านไปนานสองนานยังไร้สัญญาณเยส-โน-โอเคจากต่างแดน .. จนมีการเปรยๆ กับลูกน้องใกล้ชิดใน “ก๊วนวังทองหลาง” แบบเคล้าดรามาว่า “ถ้าพี่ไม่ได้รอบนี้ เราคงต้องออกไปตั้งพรรคเล็กๆ กันนะ”.. เชื่อว่าคำตัดพ้อที่ว่านี้จะถูกยิงตรงไปที่ต่างแดนอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการเดินเกมเสี่ยง วัดใจ “นายใหญ่” ที่ไม่ค่อยปลาบปลื้มกับการต่อรองของ “ลิ่วล้อ” เสียด้วยสิ
หุบปากซะไอ้น้อง! ดอกนี้ได้ใจกองเชียร์ “เสก โลโซ” ออกโรงจวก “โต ซิลลี่ฟูลส์” หลังวิจารณ์ศาสนา-เหยียดความศรัทธา “จุฬาราชมนตรี” แสดงภาวะผู้นำ ดับชนวนขัดแย้ง ยกอัลกุรอานเตือน บริภาษความเชื่อคนต่างศาสนาไม่ได้ ฝากชาวมุสลิมระมัดระวัง-เคารพคนศาสนาอื่น
วงแตกให้เห็นมานักต่อนัก.. 3 ประเด็นหลัก “การเมือง-ศาสนา-ความเชื่อ” ที่ไม่ควรหยิบยกเข้ามาในวงสนทนา ด้วยทั้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เปราะบาง เป็นความเห็นของปัจเจก ที่เถียงกันได้แบบไม่จบสิ้น .. อย่าง ดรามาล่าสุดของ “โต” อดีตนักร้องนำวง “ซิลลี่ฟูลส์” ที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายเนื้อ พ่วงกับการตั้งตัวเป็น “ครูสอนศาสนาอิสลาม” ผ่านการจัดรายการ “โต-ตาล” ทางออนไลน์ .. ตั้งแต่เริ่มรายการมา บ่อยครั้งที่ทัศนะของ “โต” เกี่ยวกับศาสนาที่ตัวเองนับถือ มักก่อให้เกิดกระแสดรามาในสังออนไลน์อยู่เนืองๆ .. ก่อนมาพีกสุด เมื่อพูดคุยกับพิธีกรคู่หู ในประเด็นที่ว่า “ทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้น” ที่บางช่วงบางตอนพาดพิงมาถึงการกราบไหว้ “พระพุทธรูป” เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ .. จนถูกวิจารณ์ในโลกโซเชียลฯ อย่างกว้างขวาง บ้างก็ว่าเป็นการเหยียดหยามความเชื่อของศาสนาอื่น บ้างก็ด่าทอกันอย่างรุนแรง .. ขนาดร็อกเกอร์ชื่อฉาว “เสก โลโซ” ที่หลังๆ คนยี้ทั้งประเทศ ยังได้รับเสียงเชียร์ไปจมหู เมื่อออกโรงมาจวกอดีตนักร้องน้องรักให้ “หุบปาก” พร้อมต่อว่าด้วยภาษาที่ไม่ผ่านเซ็นเซอร์ โทษฐานมาสร้างความแตกแยกทางศาสนา ..
ก่อนที่ ท่านอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี จะออกมาแสดง “ภาวะผู้นำ” ผ่านคลิปคำชี้แจง ต่อกรณีการบริภาษความเชื่อคนต่างศาสนิก .. โดย “ท่านอาศิส” ได้แสดงความไม่สบายใจ ระบุถึง “ผู้ที่ตั้งตัวเป็นผู้รู้ศาสนา” ไปกล่าวร้าย-วิจารณ์ ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น อันอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม .. พร้อมหยิบยกคำสอนใน “คัมภีร์อัลกุรอาน” ที่ห้ามการบริภาษ-วิจารณ์คนศาสนาอื่นไว้อย่างชัดเจน .. ถือเป็นการแสดง “ภาวะผู้นำ” อันเต็มเปี่ยมของผู้นำกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย ในการออกมาชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นเปราะบางเช่นนี้ได้อย่างทันท่วงที .. หากแต่คำชี้แนะของ “ท่านอาศิส” ก็หาได้สงวนสิทธิ์เฉพาะ “ชาวมุสลิม” เท่านั้น “ชาวพุทธ” เองก็ควรที่จะนำพา ในการไม่ยก “ความเห็นส่วนบุคคล” ไปขยายความให้เป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างศาสนา .. ส่วน “โต ซิลลี่ฟูลส์” ที่แม้จะออกมาแก้ต่าง พร้อมขอโทษว่าเป็นการแสดงความเห็นในฐานะมุสลิม เพียงแต่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดของผู้ที่ได้ฟังเท่านั้น .. เป็นคำแก้ต่างที่น่าจะสายเกินแกง ด้วยใครที่ได้ฟังความคิดอ่านของ “โต” ก็คิดไปเหมือนๆ กัน พร้อมพิพากษาคนคนนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. น่าเสียดาย “นักร้องระดับตำนาน” ที่มาฆ่าตัวตายทางสังคมครั้งแล้วครั้งเล่า และ เป็นได้แค่เพียง “ผู้ที่ตั้งตัวเป็นผู้รู้ศาสนา” เท่านั้นเอง
ช.ชฎา