ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไม่ช่วยมีหวังพังกันหมด แต่ช่วยแล้ว ต้องตั้งกรรมการสอบคนทำพัง “ลุงตู่”จำใจผ่าทางตัน เซ็น ม.44 ช่วยอุตสาหกรรม “ทีวีดิจิทัล-โทรคมนาคม”ทั้งระบบ ฝ่าย กสทช. ควรสำเหนียกความผิดพลาดของตัวเอง อย่าก่อกรรมสร้างบาปอีกคำรบ คิวประมูลคลื่น 900-1800 MHz ต้องไม่ปล่อยให้ใครมาทำตำบอน เหมือน JAS จนพินาศกันหมด ระวัง ม.44 ที่ปลดคนมาเยอะแล้ว จะแผลงศรมาถึง“ซอยสายลม”
หัวหรือก้อย .. หน้าไหนยังไม่รู้ กับการใช้“มาตรา 44”ช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล-โทรคมนาคม ที่ทาง“กสทช.”เสนอให้“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. พิจารณา เพื่อ“ผ่าทางตัน” ..แต่ก็ถูกตีกลับ โดยให้เดดไลน์ 1 สัปดาห์ ทำรายละเอียดมาเสนอใหม่ โดย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นผู้รับการบ้านชิ้นนี้ไป .. คาดว่าคงเห็นหน้าเห็นหลังไม่เกินการประชุมครม. อังคารที่ 3 เม.ย.นี้ มาตรการช่วยเหลือทั้งฝั่งทีวีดิทัล และฝั่งโทรคมนาคม คงจะทำคลอดออกมาได้ .. แม้ว่าจะมีเสียงค้านจาก "สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์" ประธาน ทีดีอาร์ไอ รวมทั้งสังคมวงกว้าง ที่ว่าจะทำให้รัฐเสียหาย และไม่จำเป็นต้องไปอุ้ม“นายทุน” ด้วยว่า“การลงทุนมีความเสี่ยง”รัฐไม่ควรต้องไปเปลืองตัวด้วย .. แต่เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลเองก็พลิ้วไม่ออก ด้วย“ทีวีดิจิทัล-โทรคมนาคม”ทั้ง 2 แขนง ถือเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ .. หากปล่อยไปตามยถากรรม เกิดพังครืนขึ้นมา ผลกระทบตามมาเป็นลูกระนาด .. ยิ่งทาง“ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล”แต่ละรายเพิ่งเริ่มกิจการ ลงทุนกันไปแค่เฟสแรก พอขาดทุนกันถ้วนหน้า ก็ประคองตัวมาตลอด .. ก่อนหน้านี้มีข่าวเนืองๆว่า เตรียมทิ้งทุ่น เดินตาม“เจ๊ติ๋ม”เอาเรื่องขึ้นศาล ขอคืนใบอนุญาตกันเป็นพรวน .. มาตรการพักชำระหนี้ 3 ปี จึงเหมือนการต่อลมหายใจอีกเฮือก หยุดเลือดไว้ชั่วคราว เผื่อเวลา 3 ปี อาจจะช่วยเยียวยากันได้บ้าง ..
ผิดกับ“ผู้ประกอบการมือถือ”ลงทุนกันมามหาศาล ก่อนจะมี กสทช. มาคว้าชิ้นปลามันด้วยซ้ำ .. ทางเลือกในการ“ตีธงถอย”แทบไม่มี ถ้าจะต้องไป ก็คงต้องตายกันไปข้าง .. แล้วหากปล่อยให้โอเปอเรเตอร์รายใดรายหนึ่งล้มครืนไป นอกจากจะบีบให้ธุรกิจโทรคมนาคมไทย ตกอยู่ในสภาพ “ผูกขาด”อีกครั้งแล้ว .. ยังจะกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ในแทบทุกมิติ ด้วยทุกอย่างยึดโยงกับเทคโนโลยีสื่อสารไปหมดแล้ว ทั้งไทยแลนด์ 4.0 บ้าง หรือการที่เทคโนโลยี 5G กำลังเข้ามา กระทั่ง IoT หรือ The Internet of Things ชื่อก็ฟ้องอยู่ .. แล้วที่ผ่านมาที่ติดกึก ติดกัก ก็ด้วยฝีมือของ กสทช. ที่ปล่อยให้มีการปั่นราคาประมูลคลื่นเกินความเป็นจริง .. แต่ละค่ายเทกันหมดหน้าตัก จนงบฯ พัฒนาเทคโนโลยี-โครงข่ายแทบไม่มี .. หรือจะคิดว่า อย่าไปง้อ“นายทุน” ปล่อยให้ล้มๆไป แล้วยึดคลื่นคืนรัฐ หน้า กสทช. หรือหน่วยงานรัฐอื่นที่อาจจะต้องดูแลแทน ลอยมาเลย ไม่วายต้องถอยลงคลองเป็นไทยแลนด์ 0.4 .. ชั่งน้ำหนักแล้ว “มาตรา 44”ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทีวีดิจิทัล-โทรคมนาคม คงต้องคลอดออกอีกไม่นานนี้ .. หากแต่ “กสทช.”ผู้เรียนผูกไม่เคยเรียนแก้ ก็อย่าทำเป็นกระดี่ได้น้ำ สำเหนียกความผิดพลาดของตัวเองบ้าง ว่าก่อกรรม สร้างบาปไว้อย่างไรบ้าง .. โดยเฉพาะคิวประมูลคลื่น 900-1800 MHz ที่ดันกันหน้าแดงหน้าดำในตอนนี้ ต้องทำให้กระบวนการเป็นไปตามครรลอง .. หากยังทะลึ่งปล่อยให้ JAS ของ พิชญ์ โพธารามิก ผู้ที่ทำตำบอนไว้งวดก่อน หรือใครก็ตามแต่ที่คิดจะทำแบบ JAS เข้ามาปั่นราคาประมูล-ปั่นราคาตัวเอง จนวงจรเขาพังพินาศอีก .. ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่า “ดาบ ม.44”อิทธิฤทธิ์เลิศนัก ปลดคนมานักต่อนักแล้ว .. วันดีคืนดี แจตพอตไปลงที่ ซ.สายลม แล้วจะรู้สึก
**ทำเกินกว่าเหตุ !! ทหารบุกโรงแรมใน จ.ภูเก็ต ตั้งแง่เจ้าของเป็น“ผู้มีอิทธิพล”ต้นเรื่องจากแค่พนักงานร้องเรียนถูก“ข่มขู่ใช้อิทธิพล”ให้ออกจากงาน ขัดแย้ง “นายจ้าง-ลูกจ้าง”ไม่เห็นต้องถึงมือ ทอปบูต “แม่ทัพอาร์ต”โดดป้องลูกน้อง ทำตามหน้าที่-ขั้นตอนถูกต้อง ขู่ฟ้องเจ้าของรร.- คนปล่อยคลิป ทำทหารเสื่อมเสีย
ยุคนี้ใครหญ่ายยยย .. กรณี ทหาร 3 นาย เจรจากับเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต บรรยากาศถกเถียงกันค่อนข้างดุเดือด .. โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าของโรงแรม ที่ดูจะฉุนเฉียวไม่น้อย กับการที่มีทหารพกปืนบุกเข้ามาในโรงแรม ที่มีลูกค้ากำลังใช้บริการอยู่ .. ฝ่ายทหารเอง ก็ดูจะเงอะงะ ไม่แสดงตัว ไม่แสดงข้อกล่าวหาอะไรให้เรียบร้อย อ้างผิด อ้างถูก มาตรา 44 มั่ง มาตรา 13 มั่ง (ความจริงคือ คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559) เหมาว่า เจ้าของโรงแรม เป็นผู้มีอิทธิพล ใครฟังก็ต้องของขึ้น .. ก็ด้วยเรื่องที่อ้าง ดูจะ“ขี้หมูขี้หมา”บอกว่าพนักงานโรงแรมรายหนึ่ง ร้องเรียน “ศูนย์ดำรงธรรม”และส่งเรื่องต่อไปยัง “บก.ควบคุม พล.ร.5”ที่ตั้งอยู่ที่ ทุ่งสง นครศรีธรรมราช .. โดยเข้าร้องเรียนว่า ถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยระเบียบของโรงแรม ต้องให้กรรมการ อย่างน้อย 2 คน ลงชื่อจึงไล่ออกได้ พอไปทำงานต่อ ก็ถูกผู้บริหารโรงแรม ข่มขู่ใช้อิทธิพล ใช้ตำรวจบีบให้ออกจากงาน .. ก็ไม่รู้“ศูนย์ดำรงธรรม”พาซื่อกับคำว่า “ข่มขู่ใช้อิทธิพล”จึงส่งเรื่องให้ทางทหาร .. ยิ่งสืบความได้ว่าเป็นความขัดแย้งภายในโรงแรม ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บริหาร .. ไม่น่าจะใช่เรื่องของ“ฝ่ายความมั่นคง”ควรส่งเรื่องให้ “แรงงานจังหวัด”เข้าดำเนินการตามขั้นตอนเสียก่อนด้วยซ้ำ ..
พอทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ภาพลักษณ์ “ทหาร”ช่วงนี้ก็เป็นที่รักซะเหลือเกิน โดนด่าสาดเสีย เทเสีย .. ร้อนถึง“แม่ทัพอาร์ต”พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องออกมาปกป้องลูกน้อง ว่าทำตามระเบียบ แสดงตนชัดเจน ที่พกอาวุธปืนก็เป็นไปตามระเบียบ .. ไม่เท่านั้นยังเตรียมให้ นายทหารพระธรรมนูญ ฟ้องร้องผู้บริหารโรงแรม และบุคคลที่เผยแพร่คลิป ที่ทำให้ทหารเสื่อมเสียด้วย .. เรื่องราว “ขี้หมูขี้หมา”มันจะไม่ไปกันใหญ่แบบนี้ ถ้าไม่ “ทำเกินกว่าเหตุ”แล้วยึดโยงขั้นตอนกฎหมายจริงๆ เริ่มจากแรงงาน มาต่อที่ตำรวจ หากเคลียร์ไม่ลงตัว ทหารค่อยไปเป็นพระเอก ในตอนจบ ไม่เห็นต้องไปเปลืองตัวอะไรด้วย แล้วก็ต้องถามว่า “คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559” ที่อ้างๆ กันนั้น ก็จริงอยู่ว่าให้อำนาจทหาร จับกุม-ตรวจค้นได้ ไม่ต้องมีหมายค้น แต่บริบทในการออกคำสั่งที่ว่านั้น เพื่อการใด เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในโรงแรมอะไรนั่น หรือเปล่า
** ไม่จ่ายงานไม่จบ!! “ใต้โต๊ะ - เงินทอน”ระบาดหนัก ผู้รับเหมา จ.พัทลุง โวยเจอเรียก 15% และเซ็นต์รับงาน ก่อน“เกษตรฯเมืองลุง”โดนเด้ง ภาค ปชช. หวั่นย้ายไปโกงที่อื่น ผู้ประกอบการ รร.เกาะลันตา โดน 2 เด้ง ทั้งช่วงเริ่มสร้าง พอเสร็จไถอีก แลกใบอนุญาต ต้องรอดู“ยาแรงปราบโกง”ของ “ลุงตู่”จะออกฤทธิ์ไหม
ฟอร์มฮอตเป็นพิเศษ .. จนเจอเหน็บแรงว่า เป็นยุคที่ไม่มี“นักการเมืองชั่ว”มีแต่ “ข้าราชการกังฉิน”เต็มไปหมด .. ปมทุจริต คอร์รัปชัน โกงทุกหย่อมหญ้า ยังถูกขุดไม่หมดดี .. ยังมีประเภท“ตบทรัพย์ซึ่งหน้า”ขอ“เงินทอน”กันตรงๆ ที่ชัดๆ ก็กรณี “ผู้รับเหมา”แฉว่า“เกษตรฯ พัทลุง” ไม่ยอมตรวจรับงานโครงการ จากเหตุที่ไม่จ่ายเงินทอน 15% ตามที่ขอมา .. จากคนที่ทำงานเสร็จก่อนกำหนดจะได้เบิกเงินไปเคลียร์เงินที่กู้มาลงทุน กลายเป็นว่า ต้องถูกปรับฐานส่งงานล่าช้า .. จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่เห็นว่า เกษตรและสหกรณ์ จ.พัทลุง ที่ถูกระบุถึง ถูกเด้งเข้ากรุไปเรียบร้อย .. แต่ภาคประชาชน จ.พัทลุง ก็เกาะติดต่อว่า เป็นการย้ายเพื่อช่วยเหลือกันหรือไม่ พอเรื่องซาก็ส่งไปทำแบบเดียวกัน แต่ต่างพื้นที่ หรือหากสอบแล้วไม่มีคนผิด ก็เท่ากับเลี้ยงเชื้อร้ายไว้อยู่ดี .. เป็นลูกไม้ที่หากินกันเป็นล่ำเป็นสัน ผู้รับเหมาที่เต็มใจจ่ายก็มี ตามตัวเลขของ “ม.หอการค้าไทย”ที่รายงานว่า มีคนที่ยินดีพอสมควร ทำให้ตัวเลข “เงินใต้โต๊ะ - เงินทอน”ทะยานเพิ่มขึ้นทุกปี สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ต่อปีงบประมาณ .. โมเดลเดียวกัน เดือดร้อนกันไปทุกพื้นที่ อย่างที่ “เกาะลันตา”จ.กระบี่ ก็มีผู้ประกอบการโรงแรมนับ 10 ราย ไปร้องเรียนกันไว้ .. ว่าถูก “นายช่าง”ที่สังกัดกับส่วนท้องถิ่น เรียกรับเงิน ในช่วงเริ่มก่อสร้างไม่พอ พอจ่ายเสร็จ กลับลูกเล่น ไม่ยอมออกใบอนุญาตใช้อาคารอีก หวังจะเรียกเงินเพิ่มอีก จนไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้ .. อุตส่าห์โร่ยื่นร้องเรียนแทบทุกหน่วยงาน แต่เรื่องก็เงียบเชียบ จนสงสัยว่า “กินกันทั้งระบบ”..ก็ต้องดูน้ำยา ว่า “มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาคราชการ”ที่ “คสช.ลุงตู่”เสนอให้ “ครม.ลุงตู่” เห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ก่อน .. ที่คุยว่าเป็น “ยาแรงปราบโกง”จะมีน้ำยาอย่างที่โม้ไว้ไหม
ช.ชฎา