“บุญส่ง” หนุนส่งตีความ พ.ร.ป.ส.ส. หวั่นเลือกตั้งโมฆะ แย้ม กกต.พร้อมย่นเวลาจัดเลือกตั้งให้ไม่กระทบโรดแมป ยอมรับปัญหาการตีความกฎหมายปิดกั้นผู้สมัคร กกต. และไม่เป็นธรรม ยังอุบไต๋ทางออก ยอดสมัครตอนนี้มีเพียง 3 คน
วันนี้ (30 มี.ค.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. กล่าวถึงการที่ สนช.เข้าชื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่าส่วนตัวเห็นด้วยเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดปัญหาร้องให้ศาลตีความหลังการเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะในมือ กกต.ชุดนี้เป็นครั้งที่ 2 เชื่อว่าศาลจะวินิจฉัยเป็นทางออกที่ดี และคงใช้เวลาไม่นานเพราะเป็นประเด็นข้อกฎหมายสั้นๆ โดยเฉพาะเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ลงคะแนนแทนผู้สูงอายุผู้พิการ ที่ กกต.เคยขอให้ทบทวนเรื่องนี้ เพราะการเลือกตั้งมีการแข่งขันสูงและผู้สูงอายุในแต่ละหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมากอาจจะเป็นปัญหาได้ ต่างจากการทำประชามติที่รัฐเข้าไปควบคุมได้
ส่วนที่กรณีที่ สนช.เสนอให้ กกต.ร่นระยะเวลาจัดเลือกตั้งใน 150 วันลง เพื่อไม่ให้กระทบโรดแมปเลือกตั้ง กุมภาพันธุ์ 2562 นั้น นายบุญส่งกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพรรคการเมืองได้การดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 53/2560 ว่าเรียบร้อยหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาอะไร กกต.ก็จะใช้ช่วงระยะเวลา 90 วัน ระหว่างรอกฎหมายบังคับใช้ดำเนินการเรื่องต่างๆไปก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะ กกต.ก็ไม่อยากให้กระทบการเลือกตั้งในเดิน ก.พ. 62 เช่นกัน และเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญเองก็คงวินิจฉัยเร็ว ไม่น่ากระทบโรดแมปที่วางไว้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่ง คสช.ที่ยังไม่ปลดล็อกทางการเมืองด้วย
“มีประเด็นที่เราเป็นห่วง เรื่องสำหรับพรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ถ้าปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามกฎหมายจะส่งสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดปัญหาในเรื่องนี้”
นายบุญส่งยังกล่าวถึงการรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น กกต.ที่มีปัญหาคุณสมบัติสูงมากเกินไป ว่า เรื่องนี้มีทางออกแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขึ้นอยู่กับการตีความ เช่น กรณีคุณสมบัติของผู้สมัครที่ดำรงตำแหน่งไม่ตำกว่าระดับอธิบดีติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี ส่วนตัวมองว่าต้องใช้หลักนิติบุคคลเข้ามาพิจารณา จะทำให้เห็นว่า นายทหารระดับ แม่ทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้พิพากษา อัยการ จะไม่มีโอกาสสมัครเข้ารับการสรรหาได้เลย เพราะผู้พิพากษาก็มีระเบียบชัดว่าเป็นอธิบดีศาลได้แค่ 2 ปี ไม่มีใครเป็นอธิบดีศาลได้ถึง 5 ปี และการที่ผู้พิพากษา ซึ่งเป็นอธิบดีศาลยังไม่ถึง 5 ปี แต่ได้รับการสรรหาในสายศาล ส่วนตัวเห็นว่าไม่เป็นธรรม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตีความตามรัฐธรรมนูญ
“ในรัฐธรรมนูญได้เขียนไว้ดี แต่เวลาไปตีความ คนที่ใช้หรือบังคับใช้จะตีความลำบาก คือ อธิบดีมีปัญหามากสุด เพราะเป็นอธิบดีต้องใช้หลักนิติบุคคลเข้าไปจับ ฉะนั้น ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้พิพากษา และอัยการ โอกาสที่จะไปสมัครหรือสรรหานั้นไม่มีเลย ซึ่งไม่มีใครเป็นมาแล้ว 5 ปี มองดูแล้วมันไม่มีความเป็นธรรม” นายบุญส่งกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดรับสมัครบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต.ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) มีผู้สมัครแล้ว 3 คน ประกอบด้วย 1. นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร และจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุ 61 ปี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 8(1) (ก)) 2. นายสมศักดิ์ ศิริสุนทร ทนายความ อายุ 60 ปี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 8 (1) (ง)) และ 3. นายประหยัด เสนวิรัช นายสมาคมสถาบันคุ้มครองสิทธิประโยชน์ผู้บริโภค นายกสมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อสังคม และผู้อำนวยการสำนักกฎหมายประหยัดทนายความ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 8 (1) (ง))