เอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ เล็งผลักดันให้มีการจัดทำความตกลงที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมถก ศก. ชวนลงทุนไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยว ขยายความร่วมมือวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม
วันนี้ (14 มี.ค.) เวลา 13.30 น. นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี (H.E. Mr. Waldemar Dubaniowski) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย และชื่นชมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นมายาวนานกว่า 100 ปี ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) โดยเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และวิสัยทัศน์ของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันความร่วมมือของทั้งสองประเทศ รวมทั้งผลักดันให้มีการจัดทำความตกลงที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อสานต่อความสัมพันธ์และส่งเสริมผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความประทับใจต่อคำกล่าวของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ ที่ว่า “ทุกประเทศล้วนมีปัญหาภายใน ซึ่งมีเหตุผล ความจำเป็น บริบทและความคาดหวังของประชาชนแตกต่างกัน” สะท้อนให้เห็นถึงว่าโปแลนด์มีความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมาโดยตลอด รวมทั้งการสนับสนุนให้ปรับข้อมติสหภาพยุโรป (EU) ต่อไทย จนสามารถรื้อฟื้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกระดับ
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือต่างๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ศักยภาพเศรษฐกิจของไทยภายใต้นโยบาย Thailand+1 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ทั้งสำหรับไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยไทยมีความพร้อมและศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของอาเซียน และเชิญชวนโปแลนด์ให้สนับสนุนและลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติในหลายด้าน ขณะเดียวกันภาคเอกชนไทยก็ให้ความสนใจที่จะลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางเพิ่มมากขึ้นด้วย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ กล่าวชื่นชมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีที่ผ่านมา และยืนยันความสำคัญของความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างโปแลนด์-ไทย โดยทั้งสองประเทศสามารถเป็นประตูการค้าให้กันและกันสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคของตนได้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังพร้อมส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันมากยิ่งขึ้น โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ ขอเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปโปแลนด์เช่นกัน
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งไทยสนใจแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือด้านการศึกษา เทคโนโลยีทางการแพทย์ เกษตร อาหาร และยานยนต์ ซึ่งเป็นสาขาที่โปแลนด์มีศักยภาพอีกด้วย