เอกอัครราชทูต สปป.ลาว เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง เน้นส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงาน พลังงาน และสนับสนุนลาวในการสร้างจุดเชื่อมโยงในภูมิภาคอย่างเต็มที่
วันนี้ (28 ก.พ.) นายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่เอกอัครราชทูต สปป.ลาว เข้ามาดำรงตำแหน่งในไทยอีกครั้ง หลังจากเคยประจำการที่สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทยมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าประสบการณ์การทำงานในไทยที่ผ่านมาจะช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ไทย-สปป.ลาว ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นได้
ขณะที่เอกอัครราชทูต สปป.ลาว แสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นบนพื้นฐานความเข้าใจอันดีระหว่างกันและมีความใกล้ชิดขึ้นในทุกระดับ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ฝากความระลึกถึงประธานประเทศ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีของ สปป.ลาว มาในโอกาสนี้ด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือด้านแรงงาน โดยรัฐบาลไทยยินดีส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทํางานในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกำชับถึงการดำเนินการให้แรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย การป้องกันการถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง และการได้รับสวัสดิการสังคม ซึ่งในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 จะเป็นวันสุดท้ายในการผ่อนผันการบังคับใช้บทลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานต่างด้าวเป็นสำคัญ จึงขอความร่วมมือจากฝ่าย สปป.ลาว ในเรื่องนี้ด้วย
ด้านความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค ไทยสนับสนุนนโยบายการเป็นจุดเชื่อมโยง (land-linked) ในภูมิภาคของลาว และพร้อมที่จะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงทั้งสองประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ด้านพลังงาน เอกอัครราชทูต สปป.ลาว เน้นย้ำนโยบายแบตเตอรี่แห่งเอเชียของ สปป.ลาว ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทยได้ ขณะที่ฝ่ายไทยประสงค์ให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์ต่อสองประเทศ
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะรักษาปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเช่นนี้ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ให้พัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันที่จะสนับสนุนความสัมพันธ์และความร่วมมือซึ่งกันและกัน และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนการทำงานและให้ความร่วมมือแก่ สปป.ลาวอย่างเต็มที่