“เทพเทือก” เผยเหตุขึ้นศาลฟ้องอดีตอธิบดีดีเอสไอ เหตุปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งใจเอาใจ “ปู-เหลิม” พร้อมย้ำ “ประยุทธ์” ไม่เคยแทรกแซงการทำหน้าที่ของ สนช. อ้างดูได้จากการผ่านร่าง ส.ส.-ส.ว. วอนอย่าชวนทะเลาะ “อภิสิทธิ์”
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.35 น. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) แกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเป็นมาโจทก์ในคดีฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เหตุที่ต้องมาฟ้องเพราะนายธาริตไปทำสำนวนแล้วรวบรวมสำนวนไปส่งอัยการไปฟ้องศาลว่านายอภิสิทธิ์กับตนเมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี และตนเป็นรองนายกฯ แล้วมาแก้ไขปัญหาการจลาจลเมื่อครั้งปี 2552-2553 ในเหตุการณ์ 2 ปีนั้น มีคนที่เสียชีวิตทั้งที่เป็นประชาชนและเป็นเจ้าหน้าที่ โดยนายธาริตตั้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตั้งตัวเป็นพนักงานสอบสวนสอบเองเสร็จ ส่งอัยการฟ้องทำเองเสร็จ ในที่สุดเรื่องไปถึงศาลฎีกาและศาลมีคำพิพากษาในที่สุดว่านายธาริตไม่มีอำนาจหน้าที่ในการมาสอบสวนผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ หรือรองนายกฯ เรียกว่าเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการหรือผู้ที่มีหน้าที่ คือ ป.ป.ช. เมื่อคดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว ตนกับนายอภิสิทธิ์จึงมาดำเนินคดีต่อนายธาริตว่าเขาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งใจที่จะเอาใจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเอาใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาดำเนินคดีพวกตน
นอกจากนี้ นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่าง ส.ส.และ ส.ว.จะทำให้ทิศทางการเมืองจะเดินหน้าไปสู่โรดแมปอย่างไรบ้างว่า ตนก็ยินดีด้วยกับประชาชน เชื่อว่าประชาชนอาจจะใจไม่ดีมาหลายวันเพราะมีคนชอบออกมาให้ความเห็นว่าโรดแมปอาจจะเบี้ยว ไม่มีการเลือกตั้ง วิเคราะห์ไปถึงว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และที่มา ส.ว.อาจจะถูกคว่ำ ก็อาจจะทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจหลายวัน เพราะฉะนั้นเมื่อ สนช.ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.2 ฉบับนี้แล้วคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ร้ายก็จะได้ยุติลง คนก็จะได้สบายใจได้ คนทั้งหลายก็จะได้รู้ความจริงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปชี้นำชักนำให้ สนช.กระทำการอย่างที่คนหลายคนคาดการณ์ไว้ ในทางกลับกัน วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่า คสช. หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปฏิบัติตามโรดแมปตามที่ตกลงกับประชาชนไว้ คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562
เมื่อถามว่าหากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะทำให้การเลือกตั้งยืดออกไปหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เราอย่ามองอะไรในแง่ร้ายมากไป มองในแง่ดีไว้ว่าเมื่อกฎหมายผ่านแล้ว นายกฯ ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อทรงพระปรมาธภิไธยลงเมื่อไหร่ อีก 90 วันก็จะมีผลใช้บังคับ และอีก 150 วันก็จะต้องมีการเลือกตั้ง มองอะไรในแง่ดีไว้ดีกว่า
ในส่วนของพรรคการเมืองที่มาจดจ้องชื่อกว่า 50 พรรคมองอย่างไรนั้น นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีแสดงว่าประชาชนมีความตื่นตัวในทางการเมืองมากขึ้น มีประชาชนหลายฝ่ายที่ตั้งใจจะอาสาเสนอตัวมาให้ประชาชนพิจารณาเป็นทางเลือก
ส่วนแต่ละพรรคต่างออกมาบอกว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่ใช่หมอดู เอาว่าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความตั้งใจที่อาจจะแตกต่างกัน เราก็ต้องเคารพในความคิดของแต่ละฝ่าย ส่วนเลือกตั้งแล้วใครจะเป็นนายกฯ ก็มาดูกันต่อไป ในส่วนของ กปปส.นั้นภารกิจได้จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 แต่อุดมการณ์และเจตนารมณ์ของ กปปส.ยังอยู่ในความคิดของประชาชนจำนวนมาก และเป็นไปได้ที่ประชาชนจำนวนมากเขาอาจจะทำพรรคการเมืองและตั้งพรรคการเมืองของประชาชนเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของ กปปส. แต่ว่าจะมาตีขลุมเอาว่า กปปส.จะมาทำพรรคการเมืองนั้นไม่ใช่ ตนยืนยันว่า กปปส.มันจบไปแล้ว เมื่อถามว่าการที่นายธานี เทือกสุบรรณ ออกมาประกาศตั้งพรรค นายสุเทพกล่าวว่านายธานีเป็นประชาชนคนหนึ่งและบังเอิญนายธานีคิดว่าจะทำพรรคการเมืองของประชาชนเพื่อที่จะผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน ตนคิดว่ายังมีประชาชนที่มีแนวคิดอย่างนี้อีกมากมาย
เมื่อถามว่าหากมีมวลชนของ กปปส.เสนอให้นายสุเทพตั้งพรรคเอง นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ใช่ ตนบอกแล้ว เคยประกาศตัวชัดเจนว่าไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ไม่ต้องการเป็น ส.ส. ไม่ต้องการตำแหน่งทางการเมือง และจะไม่เข้าไปดำรงตำแหน่งเมืองในพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ได้ประกาศตัวกับประชาชนว่าเป็นคนของประชาชน ออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นคนของประชาชน และถ้าประชาชนตั้งพรรคการเมืองก็เรียกใช้ได้ ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ออกมาประกาศว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์กับ กปปส.แตกต่างกัน นายสุเทพกล่าวว่า ก็ให้นายอภิสิทธิ์พูดไปคนเดียว อย่ามาชวนตนไปทะเลาะกับนายอภิสิทธิ์เลย
