โฆษกศาลปกครอง ในฐานะนักกฎหมายคดีปกครอง กระตุ้นออกประกาศกำหนดสัตว์ในธรรมชาติ ใส่ พ.ร.บ.ทารุณสัตว์ ตามบทบัญญัติกฎหมาย ป้องกันเคสอนาคต
วันนี้ (8 มี.ค.) นายประวิตร บุญเทียม โฆษกศาลปกครอง แสดงความเห็นส่วนตัวในฐานะนักกฎหมายคดีปกครองกรณีพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ คดีนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ถูกสั่งภาคทัณฑ์ จากเหตุรับแจ้งความข้อหาทารุณกรรมสัตว์ แต่ภายหลังมีการถอนแจ้งความว่าคำสั่งภาคทัณฑ์ของผู้บังคับบัญชาในเชิงลงโทษนั้นก็ถือเป็นการออกคำสั่งทางปกครองที่สามารถยื่นฟ้องเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองได้ เพราะลักษณะการสั่งภาคทัณฑ์นั้นถือเป็นบทลงโทษเพียงแต่เบาสุด ส่วนที่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าการออกคำสั่งนั้นชอบหรือมิชอบ สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ผู้ถูกออกคำสั่งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นคดีเข้าสู่ศาลก็จะได้วินิจฉัยต่อไป แต่ทั้งนี้ตามกระบวนการก่อนที่ตดีจะเริ่มเข้าสู่ศาลได้ ผู้ถูกออกคำสั่งทางปกครองนั้นต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภาคทัณฑ์ของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานตามขั้นตอนก่อน หากผลอุทธรณ์คำสั่งภายในหน่วยงานไม่เป็นผลแล้ว จึงนำคดีมายื่นฟ้องได้
เมื่อถามถึงทัศนะในฐานะนักกฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ว่าควรที่จะต้องปรับแก้หรือไม่ จากกรณีที่เสือดำถูกฆ่าตายซึ่งพบบาดแผลรอยกระสุนหลายแห่งจนสังคมเกิดกระแสวิจารณ์ว่าเหตุใดไม่แจ้งความตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 เพราะจะมีโทษที่เพิ่มขึ้นอีก
นายประวิตร ในฐานะนักกฎหมายกล่าวว่า กรณี พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ตามที่เป็นข่าวก็เป็นกฎหมายเฉพาะที่เป็นส่วนของคดีอาญาที่จะต้องดำเนินไปตามกระบวนการ ส่วนที่ว่าจะเป็นการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตีความตามบทบัญญัติกฎหมายกันไป
ส่วนที่บางคนวิจารณ์ตีความ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 เป็นการคุ้มครองสัตว์บ้าน ไม่ใช่สัตว์ป่า ดังนั้นจึงควรที่จะแก้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ในเรื่องของการฆ่าอย่างทารุณหรือไม่ จากที่ได้ดูบทบัญญัติ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 3 “สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการตอื่นใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ดังนั้น หากกฎหมายกำหนดเช่นนี้ รัฐมนตรีก็มีอำนาจออกประกาศกำหนดถึงสัตว์ในธรรมชาติได้ ไม่ต้องไปแก้กฎหมายคุ้มครองและสงวนสัตว์ฯ หากออกประกาศรวมถึงสัตว์ในธรรมชาติแล้วก็มีผลทำให้การทารุณสัตว์ในธรรมชาติมีความผิดตามกฎหมายนี้ โดยในอนาคตก็บังคับใช้ปฏิบัติได้ในเชิงการป้องกันและการคุ้มครองการทารุณสัตว์ในธรรมชาติได้