โฆษก กอ.รมน.เผยโครงการไทยนิยมยั่งยืน คืบหน้า 50% แจงลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ไม่ใช่การหาเสียง ยืนยันมีเลือกตั้ง โอ่คนร่วมแล้ว 3 ล้านคน ยันรัฐบาลไม่ปิดกั้นเสรีภาพฝ่ายการเมือง วอนหลีกเลี่ยงแสดงความเห็นแตกแยก
วันนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (โฆษก กอ.รมน.) แถลงว่า จากการดำเนินงานตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่ กอ.รมน.ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 2561 จนถึงปัจจุบัน รวม 15 วัน โดยทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศระดับตำบลซึ่งเป็นแกนหลักในการดำเนินการ ได้ลงพื้นที่พร้อมกันทั้งประเทศ 7,463 ตำบล/เทศบาล 81,064 หมู่บ้าน/ชุมชน ในห้วงแรกนี้เป็นการเยี่ยมเยียนไปสร้างความเข้าใจต่อประชาชน ไปรับทราบถึงความทุกข์ยากและปัญหาของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน รวมถึงค้นหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่แล้วนั้น ในขณะนี้ได้ลงพื้นที่แล้วทุกตำบล และลงในระดับชุมชน/หมู่บ้าน ประมาณร้อยละ 50 มีประชาชนร่วมกิจกรรมในขณะนี้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน
พล.ต.พีรวัชฌ์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลเบื้องต้นในแต่ละหมู่บ้าน/ชุมชนก็จะมีความต้องการและปัญหาแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สามารถสรุปได้ว่า ประชาชนมีความต้องการให้แก้ไขปัญหาด้านยาเสพติด, ด้านเศรษฐกิจ, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน, ด้านอาชีพ, ด้านรายได้ และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และจากข้อมูลที่ได้รับโดยเฉพาะในมิติของความมั่นคง กอ.รมน. ได้นำข้อมูลเหล่านั้นดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นโดยทันที ทั้งนี้เพื่อเป็นการเร่งการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในส่วนที่ กอ.รมน.จะสามารถดำเนินการได้ โดยยึดหลักที่ว่า กอ.รมน.ที่เป็นที่พึ่งของประชาชนเสมอ
โฆษก กอ.รมน.กล่าวอีกว่า เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่มีการสื่อสารได้รวดเร็ว ทำให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยง่ายและสะดวกในทุกที่ทุกเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มีผู้ไม่หวังดีหรือเหล่ามิจฉาชีพที่ได้ใช้การสื่อสารนี้แสวงหาประโยชน์ด้วยการให้ข่าวสารที่บิดเบือนทำให้เกิดความหลงเชื่อและมีการส่งต่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะทำให้มีความผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อย่างไม่รู้ตัว จึงอยากขอฝากให้ทุกคนพึงตระหนักระวังอันตรายที่จะแอบแฝงมาในช่องทางสังคมออนไลน์ และตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองให้มีความรู้ให้มากที่สุด เพื่อเป็นคนดีมีคุณภาพ เป็นพลังสังคมที่เข้มแข็ง และเพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน
“ในภาพของความมั่นคง ผมมองว่าการดำเนินการยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลางตามนโยบายรัฐบาล เป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยตรง โครงการไทยนิยมยั่งยืนเราลงไปดูว่าในพื้นที่นี้ต้องการอะไร ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการหาเสียง แต่ต้องการทำให้ประชาชนมีความผาสุก มั่นคง มีอาชีพ มีรายได้ ซึ่งนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศชาติเป็นการทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน” โฆษก กอ.รมน.กล่าว
โฆษก กอ.รมน.กล่าวอีกว่า เราลงไปในพื้นที่เพื่อให้เห็นว่ายังมีอะไรที่ติดขัด และยังมีบางสิ่งที่ประชาชนยังต้องการให้แก้ไขปัญหา และเราจะนำปัญหานั้นมาคิดว่าจะพัฒนาชุมชนนั้น ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ส่วนจะต่อยอดไปถึงรัฐบาลชุดหน้าหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องของนโยบายของรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละช่วง
พล.ต.พีรวัชฌ์กล่าวย้ำว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้ไปสำรวจ ความต้องการอยากเลือกตั้งของประชาชน แต่ยืนยันว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตข้างหน้า แต่ตอนนี้อยู่ในบริบทของการสร้างความรู้เข้าใจในเรื่องกฎระเบียบกฎหมาย การร่าง พ.ร.บ.ที่มาของ ส.ส.-ส.ว.ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งประชาชนก็เข้าใจ ทั้งนี้ การที่ประชาชนมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก เข้ามาแสดงข้อคิดเห็นซึ่งถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยอยู่แล้ว
“ยืนยันว่าโครงการไทยนิมยั่งยืนไม่พบปัญหาเรื่องการทุจริต และประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบดูแล คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร นอกจากนี้ยังมีช่องทางในการรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์อยู่แล้วเช่น ศูนย์ดำรงธรรมศูนย์” พล.ต.พีรวัชฌ์กล่าว
มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงติดตามตรวจสอบการทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง โดยมีการยัดชื่อกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านรับเงิน
พล.ต.พีรวัชฌ์ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า รัฐบาลให้เสรีภาพกับทุกคนตามกฎหมาย ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องหลีกเลี่ยงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดความแตกแยก และขอให้ทึกฝ่ายรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปเผยแพร่
“ขออย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ และต้องดูด้วยว่าข้อมูลที่ได้รับบิดเบือนหรือไม่ หากไม่แน่ใจขอให้สอบถามจากหน่วยงานภาครัฐ หากเข้าใจผิดพลาดก็จะเกิดปัญหาตามมาคือความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้เราอยู่ในช่วงการสร้างความปรองดอง สิ่งใดก็ตามที่พบเห็นแล้วผิดแปลกไปจากความเป็นจริง ควรจะตรวจสอบก่อนจะเผยแพร่” พล.ต.พีรวัชฌ์กล่าว