xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ใหญ่” ใช้แผนยื้อ-เงียบ จะรอดหรือรุ่งริ่ง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


หากพูดกันตามภาษามวยก็ต้องบอกว่า “ป้อแป้” เต็มทีสำหรับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจากโดนกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทาง จนเจ้าตัวคงคาดไม่ถึงว่าทำไม “มาแรง” และ “มาเร็ว” ถึงตัวแบบนี้ได้อย่างไร

อย่างที่บอกว่ากรณีเรื่อง “นาฬิกาเพื่อน” คงไม่ใช่สาเหตุหลักจนสร้างกระแสไล่ให้พ้นจากเก้าอี้ แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว น่าจะมาจากการ “สะสมแต้ม” มากกว่า เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า “พี่ใหญ่” คนนี้มีภาพทางสังคม “เป็นลบ” อาจจะเป็นเพราะสังคมได้รับรู้เรื่องราวในทางลบ เส้นทางสีเทามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ใช่ตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กลายเป็นว่าเป็น “เครือข่าย” เพื่อนพ้องน้องพี่ “ตามประสาคนกว้างขวาง” สังเกตได้จากทุกปีในช่วงเทศกาลสำคัญก็จะเปิดบ้านให้คนในวงการเข้าไปคารวะ จนบางครั้งทำให้หลายคนมองว่า นี่คือ การ “สร้างบารมี” เทียบเคียง “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หรือไม่

อย่างไรก็ดี ที่น่าสังเกตก็คือ แม้ว่าในวงการทหาร ตำรวจ ในแวดวงราชการ นักธุรกิจ “พี่ใหญ่” คนนี้จะมีเครือข่าย ลูกน้องมากมาย แต่น่าแปลกก็คือ “ภาพลักษณ์” ในทางสังคมภายนอก กลับมีแต่ “ทรงกับทรุด” เท่านั้น ดังที่เห็นในเวลานี้

ดังนั้น หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เคยอยู่ในสภาวะ “ทรง” มาก่อน อาจเป็นเพราะรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่อยู่ในสภาวะ “ขาลง” อย่างเช่นทุกวันนี้ ตอนนั้นแม้ว่าจะเจอเรื่อง “ละเอียดอ่อน” แค่ไหน ชาวบ้านก็อาจ “หลิ่วตา” มองผ่านไป

หากจำกันได้ในตอนนั้น “พี่ใหญ่” ผลักดันโครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพต่อเนื่องกันหลายล็อต ก็ยังผ่านมาได้ โดยเฉพาะกรณีจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ก็ผ่านมาได้แบบฉิวเฉียด ทำให้ไม่อยากจะนึกว่าหากลองเสนอเข้ามาในตอนนี้จะมีผลสะท้อนกลับมาแบบไหนกันแน่ อีกทั้งในตอนนั้นเขายังมี “ท่าทีดุดัน” คำพูดคำจาเวลาตอบคำถามผู้สื่อข่าว ลองย้อนกลับไปดูจะเห็นว่าหนักหน่วงรุนแรงไม่เบา แต่ก็อย่างว่าในเมื่อยังไม่เจอแจ๊กพ็อตแบบทุกวันนี้ มันก็เกยตื้นได้ง่ายๆ เหมือนกัน

เวลานี้หากบอกว่า “กระแสสังคมไปไกล” แล้ว สังคมไม่ให้ราคา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คนนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นต้องออกมาเดินขบวนขับไล่ ถึงจะอยู่ไปก็ไร้ความหมาย ที่สำคัญ มันจะย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อรัฐบาล ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนหมดลุ้นการได้ “ไปต่อ” เพราะหากพี่ใหญ่คนนี้ยังอยู่มันจะทำให้ “กลบผลงาน” หรือความพยายามที่เริ่มเห็นดอกเห็นผลของรัฐบาลที่ผ่านมาบ้าง อย่างเช่น เรื่องแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง ที่กำลังลุยเศรษฐกิจฐานรากในช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้กันอยู่

แน่นอนว่า ยุทธวิธีที่บรรดา “กุนซือ” รอบกาย รวมถึงความเห็นของ “พี่ใหญ่” นำมาใช้ในเวลานี้ก็คือ “ยื้อ” และนิ่งเงียบที่สุด ไม่ยอมพูดถึงเรื่องอ่อนไหวในเวลานี้ หรือประจวบเหมาะกับเป็นช่วงจังหวะที่ต้องเดินทางไปประชุมต่างประเทศ เช่น ในเวลานี้มีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 - 7 กุมภาพันธ์นี้ อย่างน้อยก็หวังว่า การไม่อยู่ในประเทศ อาจจะทำให้การถูกจับตามอง การตั้งคำถาม ทำให้กระแสลดลงไป จนค่อยๆ เงียบไปในที่สุด

อย่างไรก็ดี เชื่อหรือไม่ว่า กรณีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากพิจารณาจากกระแสกดดันที่หนุนเนื่องเข้ามาแบบไม่ขาดสาย แม้ว่าจะสามารถประคองตัวผ่านไปได้ หรือไม่ยอมลาออก แต่กลายเป็นว่า “กระแสลบ” ติดตัวไปตลอด ในทางการเมืองเรียกว่า “ยี้” นั่นแหละ มันจะสลัดไม่หลุด

แต่อีกด้านหนึ่งมันก็คงไม่เงียบ เพราะยังมีความเคลื่อนไหวกดดันจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดหย่อน เพราะหลังจากที่มีการเปิดรณรงค์โหวตไล่กันทางออนไลน์ กระแสการโหวตก็พุ่งกระฉูดจนเกือบแสนรายเข้าไปแล้ว และมีความเคลื่อนไหวนัดแสดงท่าทีกันในวันสองวันนี้ หากยังยิ่งเฉย

ดังนั้น นาทีนี้ต้องมาลุ้นกันต่อว่า “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะสามารถยื้อเวลาได้อีกนานแค่ไหน หรือถ้ารอด จะรอดแบบไหนแบเนื้อตัวมอมแมมรุ่งริ่งแค่ไหน แต่เวลานี้ถือว่าหมดสภาพแล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น