แม่ทัพภาคที่ 3 เผย ทำข้อตกลงพม่าร่วมปราบยาเสพติดจริงจัง ระบุ เพื่อนบ้านร้องช่วยปราบอาวุธสงคราม ชี้ ยังมียาบ้าอีก 200 - 300 ล้านเม็ด รอเข้าไทย คาด ยาทะลักเหตุชนกลุ่มน้อยต้องการใช้เงิน เตือนนักท่องเที่ยวไปพม่าอย่ารับของฝากเข้าไทย
วันนี้ (28 ธ.ค.) พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงมาตรการปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย - พม่า (อาร์บีซี) ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา ตนได้ทำข้อตกลงกับประธานอาร์บีซีฝ่ายประเทศพม่า ว่า เราจะร่วมกันปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยฝ่ายประเทศพม่าร้องขอเพิ่มเติมให้เราช่วยปราบปรามอาวุธสงคราม จนสามารถจับกุมได้ที่ จ.ตราด และ จ.จันทบุรี ซึ่งมีเป้าหมายมาส่งที่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ตนได้ส่งบัญชีรายชื่อผู้ค้าทั้งหมด 18 คน ให้ประธานอาร์บีซีฝ่ายพม่าด้วย หลังจากนั้น แค่ 3 เดือนทางผู้บัญชาการทหารบกภาคสามเหลี่ยมของพม่าได้ไปปราบปรามยาเสพติดที่ จ.ท่าขี้เหล็ก จนสามารถยึดยาบ้าได้ 30 กว่าล้านเม็ด รวมถึงอุปกรณ์สารตั้งต้นจำนวนมาก ถือเป็นความจริงใจของทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข่าวสารของทางทหาร และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พบว่า ยังมียาบ้าอีกจำนวน 200 - 300 ล้านเม็ด ที่จ่ออยู่ตามแนวชายแดนรอเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงยาไอซ์ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ เราสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด โดยยาบ้าได้จำนวน 1 ใน 3 ของทั้งปี 60 ขณะที่ยาไอซ์และเฮโรอีนจับได้มากขึ้นเช่นกันจึงเป็นสถิติน่าตกใจว่าทำไมทะลักเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก
พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุที่ยาเสพติดเข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก เราประเมินได้ว่า เพราะชนกลุ่มน้อยต้องการใช้เงิน เนื่องจากทางพม่าพยายามกดดันกลุ่มคนเหล่านั้น จึงต้องเร่งระบายยาเสพติดเข้าไทย เราจึงต้องเร่งกับ ป.ป.ส. ติดกล้องวงจรปิดตามแนวชายแดนระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรโดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ขณะเดียวกัน ตนก็ได้สั่งเพิ่มมาตรการป้องกันโดยเสริมกำลังเจ้าหน้าหน้าที่ตามชายแดน เพื่อปราบปรามยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูหนาวนี้ประชาชนมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวภาคเหนือเป็นจำนวนมาก ตนมีความเป็นห่วง โดยเฉพาะประชาชนที่จะเดินทางไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน เพราะพวกขบวนการยาเสพติด มักจะฝากของที่แฝงยาเสพติดเข้ามาไทยด้วย ทำให้มีประชาชนไทยถูกจับกุมแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น ขอว่าอย่ารับของฝากเข้ามาประเทศไทยโดยเด็ดขาด อีกทั้งวงการค้ายาพร้อมที่จะหักหลังกันตลอด เนื่องจากบางครั้งที่เขาฝากของเข้ามาไทยได้ก็จะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยให้จับกุม ซึ่งพวกเขาจะสองเด้ง เพราะได้ระบายของกับได้เป็นแหล่งข่าวให้ทางการไทย ดังนั้นขอให้ประชาชนระมัดระวังด้วย
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวบนพื้นที่สูงในพื้นที่ภาคเหนือว่า ในพื้นที่ที่กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบนั้นและนักท่องเที่ยวมักนิยมไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น ได้แก่ ภูชี้ฟ้า ดอยอินทนนท์ ม่อนแจ่ม ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ เป็นต้น ซึ่งตนมีความกังวลและเป็นห่วงเรื่องการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งนี้ขอให้นักท่องเที่ยวระมัดระวัง การขับรถขึ้นภูเขาสูงอย่าประมาท ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจัดหน่วยบริการประชาชน จำนวน 185 จุด เพื่ออำนวยความสะดวกทางจราจรให้เกิดความ ส่วนช่วงขากลับก็จะมีการตรวจตราเพื่อสกัดกั้นยาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมายด้วย โดยจะเริ่มมาตรการในวันที่ 28 ธ.ค. เป็นต้นไป จนกว่าจะพ้น 7 วันอันตราย
“ขอเชิญชวนให้ประชาชนไปเที่ยวภาคเหนือกันเยอะๆ ฝ่ายทหารและพลเรือน เรามีจุดบริการประชาชนตามเส้นทางต่างๆ หากท่านรถเสีย ง่วงนอน เข้าห้องน้ำก็เชิญได้ พร้อมทั้งสามารถสอบถามเส้นทางได้เสมอ” พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าว