xs
xsm
sm
md
lg

“เสรี” อ้างเปากาบัตร กกต.แต่ไม่ได้เข้าคูหาถือว่าเปิดเผย ลั่นมติศาลฎีกาไม่มีใครก้าวล่วงได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (แฟ้มภาพ)
อดีต ปธ.กมธ.ขับเคลื่อนปฏิรูปการเมือง ยกกฎหมาย กกต.ชี้ศาลฎีกาโหวตเปิดเผยแล้ว เหตุกาบัตรไม่ได้เข้าคูหา คนรอบข้างเห็นลงคะแนนให้ใคร อ้างไม่ใช่บัตรกำกับเลขเพื่อให้ผู้ลงคะแนนมีอิสระ ลั่นมติที่ประชุมใหญ่ศาลใครก็ไม่มีอำนาจก้าวล่วง ถ้าเปลี่ยนแปลงจะขัด รธน. ขู่ศาลตัดสินแล้วไม่ยอมรับบ้านเมืองจะไม่สงบ

วันนี้ (14 ธ.ค.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง ในฐานะอดีต กมธ.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งเขียนข้อความถึงปัญหาการคัดเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 คนของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่าช่วงนี้มีการทักท้วงว่าการคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่ได้ดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 12 วรรคสาม ที่บัญญัติว่าในการสรรหาหรือคัดเลือก ให้ใช้วิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผย และให้กรรมการสรรหาแต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือกไว้ด้วย โดยมีการทักท้วงว่า การลงคะแนนโดยที่ประชุมใหญ่เป็นการใช้วิธีการลงคะแนนที่ไม่เปิดเผย อันเป็นการขัดต่อมาตรา 12 วรรคสามดังกล่าว เท่ากับโต้แย้งว่าการคัดเลือกบุคคลทั้งสองคนที่คัดเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายเสรีกล่าวอีกว่า ตามกฎหมาย กกต.มาตรา 12 วรรคสามดังกล่าว ได้กำหนดการคัดเลือกให้ใช้วิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผย ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้เปิดเผยตัวตนผู้ลงคะแนนไม่ได้เข้าคูหา และแต่ละคนที่ลงคะแนน คนรอบข้างก็เห็นว่าใครลงคะแนนให้ใคร เท่ากับเป็นการเปิดเผย ส่วนกรณีที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกามีมติเห็นสมควรใช้บัตรเลือกตั้งโดยไม่มีหมายเลขกำกับบัตร และไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครลงคะแนนให้แก่ใคร ก็เพื่อให้ผู้ลงคะแนนมีอิสระในการตัดสินใจเลือก ดังนั้น การกำหนดวิธีการลงคะแนนไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น ถือได้ว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้มีมติในเรื่องของวิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผยแล้ว

“ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงคะแนนคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็น กกต.จำนวน 2 คน ถือเป็นอันยุติ ไม่ว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ทำหน้าที่วุฒิสภา กกต. หรือแม้กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญเองก็ไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนแปลงหรือไปก้าวล่วงอำนาจในการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ เพราะเมื่อศาลฎีกาได้วินิจฉัย ตัดสิน หรือมีมติในเรื่องใดแล้ว หากมีองค์กรอื่นมาวินิจฉัยหรือมาเปลี่ยนแปลงผลชี้ขาดหรือผลของการคัดเลือกที่เป็นอำนาจของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ก็จะเป็นการขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 อันก่อให้เกิดวิกฤตในทางรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยสูงสุดของประเทศ และหากศาลฎีกาตัดสินแล้วยังไม่ยอมรับกัน บ้านเมืองจะไม่สงบเรียบร้อย และกระบวนการยุติธรรมจะเป็นปัญหา” นายเสรีกล่าว

นายเสรีกล่าวว่า หาก สนช.จะไม่ให้ความเห็นชอบหรือไม่ ต้องเป็นเรื่องอื่นในเรื่องของคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หรือในเรื่องของความเหมาะสมของผู้ได้รับการคัดเลือกดังกล่าว ตามมาตรา 12 วรรคแปด แต่ไม่ใช่เรื่องที่ สนช., กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ว่าองค์กรใดไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนแปลงมติหรือก้าวล่วงอำนาจของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้
กำลังโหลดความคิดเห็น