นายกฯ สั่ง ก.คลัง ออกข้อควรระวัง-ปัจจัยเสี่ยงนักลงทุนไทย-ปปช.ทั่วไป ลงทุนเงินดิจิตอลสกุลบิตคอยน์ เผยรองนายกฯ สมคิด เคยเสนอคลัง-ธปท.ศึกษาว่าควรนำมาปรับใช้กับไทยหรือไม่ หลังมีแผนให้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาฟินเทค
วันนี้ (13 ธ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มีหนังสือเวียนข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี คราวประชุม ครม.4 ธ.ค. ถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับสูง โดยให้กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลต่างๆ เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยจะต้องชี้แจง เน้นยํ้าให้ทราบถึงข้อควรระวังและปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเงินสกุลดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้เสนอแนวคิดพัฒนาระบบการเงินด้วยเทคโนโลยี ซึ่งพบว่ายังมีข้อจำกัดทีถือเป็นหนึ่งอุปสรรคในการพัฒนาภาคการเงิน ดังนั้นกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาฟินเทคภาคการเงินให้เติบโตมากขึ้น
“โดยกระทรวงการคลังจะต้องเป็นศูนย์กลางในการหารือการพัฒนาในภาพรวม ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการฟินเทค”
ขณะที่ ธปท.จะต้องผ่อนคล้ายหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาฟินเทค และร่วมกันศึกษากฎระเบียบการเงินที่มีความเหมาะสมของฟินเทคภาคการเงินไทย โดยศึกษาจากต่างประเทศว่าควรนำมาปรับใช้กับไทยหรือไม่ เช่น บิตคอยน์ และอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าส่วนนี้ ธปท.รู้และสามารถปรับหลักเกณฑ์ต่างๆ ได้แน่นอน
ทั้งนี้ สกุลเงินดังกล่าวอยู่ในรูปแบบของดิจิตอล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนาเล็กๆ กลุ่มหนึ่งตลอดจนบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์