xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” บี้รัฐทบทวนท่าทีอย่าเลือกปฏิบัติปมสวนยาง ติงปรับ ครม.ไม่เปลี่ยนนโยบายศก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หัวหน้า ปชป.แนะรัฐทบทวนท่าที หลังรวบแกนนำสวนยางแต่อ้าแขนรับเกษตรกรเชียร์ “ฉัตรชัย” ทำการเมืองถอยหลังสู่การเลือกปฏิบัติ วอนรับฟังปัญหา เร่งแก้ไข หลังหลายมาตรการล้มเหลว ห่วง “สมคิด” ประกาศปรับ ครม.ไม่เปลี่ยนนโยบาย ศก.ไม่แก้ปัญหา จี้เปลี่ยนบุคลากรคู่ขนานปรับนโยบาย หลังมาตรการกระตุ้น ศก.ไร้ผล

วันนี้ (14 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีทางการรวบตัวแกนนำชาวสวนยางที่เตรียมเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า ตนมั่นใจว่าเกษตรกรชาวสวนยางที่เดือดร้อนไม่มีเจตนาที่จะสร้างความวุ่นวาย แต่เมื่อปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าบางเรื่องรัฐบาลจะพูดก่อนหน้านี้ว่าจะทำก็ไม่เกิดขึ้นจริง เช่น นโยบายที่บอกว่าจะนำยางพาราไปใช้ในโครงการของรัฐก็เกิดน้อยมาก ที่ทำจริงจังกลับกลายเป็นท้องถิ่น เช่น อบจ.ที่ตรัง และสงขลา แต่ที่อื่นไม่ได้ขยับ เพราะถ้าขยับเป็นขบวนก็จะทำให้ตลาดเคลื่อนไหว แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง และยังมีการแก้กฎหมายใหม่เปิดโอกาสให้การยางตั้งหน่วยธุรกิจแทรกแซงตลาด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัญหาเรื่องยางพาราไม่ใช่แค่ปัญหาของคนใต้ เพราะตนไปภาคอีสานก็ได้รับเสียงบ่นในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน จึงอยากให้รัฐบาลแลกเปลี่ยนปัญหานี้ ไม่ควรทำให้เกิดการกระทบกระทั่งจนเกิดความรู้สึกไม่ดีระหว่างกัน

นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความหนักใจต่อท่าทีของภาครัฐที่มีการรวบตัวแกนนำเกษตรกรสวนยางแต่กลับต้อนรับเกษตรกรที่ไปให้กำลังใจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ โดยเห็นว่ารัฐบาลพยายามจะสร้างการเมืองใหม่ ปฏิรูปการเมือง แต่กลับไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานเดิมที่เคยต่อว่ารัฐบาลในอดีตว่าไม่ใส่ใจผู้ที่เดือดร้อน แต่ใครที่เชียร์ก็ให้การต้อนรับและนำมาใช้ประชาสัมพันธ์ เป็นการเมืองที่ควรจะเลิกได้แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนพฤติกรรมและทำตัวให้เป็นแบบอย่าง รวมทั้งต้องมีคำตอบว่าจะแก้ปัญหายางพาราอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า หวังว่าจะยึดเรื่องงานเป็นตัวหลัก แต่เป็นห่วงที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ประกาศว่าจะไม่มีการเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งตนเห็นว่าต้องกลับไปสำรวจว่าทำไมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรอบจึงไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้ เช่น ช้อปช่วยชาติก็ตอกย้ำว่าคนที่จนที่สุดไม่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ เนื่องจากไม่มีรายได้พอที่จะหักลดหย่อนภาษีคนที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้วกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ หากปรับ ครม.แล้วแนวคิดทางเศรษฐกิจยังเป็นอย่างนี้ คือไม่ดูผลกระทบในเชิงกระจายรายได้ ซึ่งยังไม่นับเรื่องข้าวสาลี จะนำเข้าหมูหรือไม่ เรื่องกฎหมายพันธุ์พืช สิ่งเหล่านี้ต้องทบทวน การปรับ ครม.จึงไม่ใช่แค่เรื่องบุคคลแต่เป็นเรื่องทิศทางการบริหารเศรษฐกิจที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลสำรวจของหลายสำนักสะท้อนขณะนี้ประชาชนรู้สึกเคว้งคว้าง อยากเห็นพรรคการเมืองใหม่ซึ่งตนสนับสนุนมาโดยตลอดว่าระบอบประชาธิปไตยต้องมีคนใหม่จึงจะเกิดการแข่งขันและเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็ต้องการทีมเศรษฐกิจใหม่และการปรับปรุงการทำงานเรื่องเศรษฐกิจและสวัสดิการ รวมทั้งมีความกังวลเรื่องการเมืองด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น