กกต.ไปพรรคชาติไทยพัฒนา ตรวจสอบระบบจัดเก็บข้อมูล “นิกร” แจงทำช้าเหตุไม่ทราบความเปลี่ยนแปลงสมาชิก ขอ กกต.ประสานทะเบียนราษฎร ตรวจสอบเลขบัตรประชาชนให้พรรค หวังปรับฐานให้ตรงความจริง ด้าน “สมชัย” แนะใช้ระบบหลังบ้าน เตรียมเชิญประชุมหลังระเบียบออก นัดคุยมหาดไทย 27 พ.ย.แต่ไม่รับปากจะทำได้หมดหรือไม่ รับเป็นภาระใหญ่พรรคใหญ่
วันนี้ (14 ก.ย.) ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางมาเพื่อตรวจสอบระบบจัดเก็บข้อมูล ทะเบียนสมาชิกพรรค โดยมีนายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา คอยอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพบว่าการเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลยังทำได้ล่าช้า เพราะพรรคไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของสมาชิก ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงชื่อ ที่อยู่ และกรณีที่อาจเสียชีวิต จึงอยากให้ กกต.ประสานกับทางสำนักทะเบียนราษฎร เพื่อตรวจสอบจากหมายเลขประจำตัว 13 หลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้พรรคการเมือง ปรับฐานข้อมูลล่าสุดให้ตรงต่อความเป็นจริง และลดภาระของพรรคการเมืองที่ต้องไปสำรวจด้วยตัวเอง
ขณะที่นายสมชัยเสนอให้มีการใช้ระบบที่ กกต.จัดเตรียมให้ เรียกว่าระบบหลังบ้าน ใช้วิธีการแก้ไขข้อมูลด้วยการนำสิ่งที่อยู่หน้าจอมาสรุปภายใต้กระดาษแผ่นเดียว ให้มีการเปลี่ยนแปลงรายบรรทัด เท่ากับการแก้ไขข้อมูลสมาชิก 1 คน จะแก้ได้เพียงบรรทัดเดียว ที่จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนข้อมูลมีความรวดเร็วมากขึ้น หลังจากที่ กกต.ออกประกาศและระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้วจะเชิญพรรคการเมืองร่วมประชุม และจัดอบรมเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองเกี่ยวกับระบบหลังบ้านดังกล่าว แต่พรรคการเมืองยังมีภาระที่ต้องสำรวจข้อมูลความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ สถานภาพต่างๆ เอง เพราะกกต.ไม่มั่นใจว่าจะอำนวยความสะดวกได้มากน้อยแค่ไหน
นายสมชัยกล่าวว่า โดยในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ กกต.จะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนราษฎร ถึงความเป็นไปได้ ที่สำนักทะเบียนราษฎรจะอำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมืองในเรื่องนี้แต่ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะดำเนินการได้ตามนี้ทั้งหมดหรือไม่ ทั้งนี้ยอมรับว่า การแจ้งสมาชิกพรรคภายใน 90 วันตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ เป็นภาระหนักของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมาก และอาจมองได้ว่าพรรคเก่าเกิดความเสียเปรียบพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ไม่มีภาระในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองยังสามารถที่จะขอขยายเวลาดำเนินการได้ไม่เกิน 3 ปี แต่ในระหว่างนั้นจะไม่สามารถส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้และไม่ได้รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง