ประธาน สนช.แจงได้รับร่างกฎหมายป.ป.ช.แล้ว รับเป็นร่างที่ยาวที่สุด มีเวลาเหลือแค่ 58 วัน เชื่อเร่งพิารณาได้ทันตามกำหนดปลาย ธ.ค. รับ กมธ.งานหนัก เชื่อโค้งสุดท้ายมีคนสมัคร กกต. ไม่ต้องทาบทาม รับจากประชาสังคมอาจมีปัญหา ยังไม่มี สนช.ไขก๊อกไปร่วม ครม.
วันนี้ (2 พ.ย.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ในส่วนของ สนช.ว่าทาง สนช.ได้รับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แล้ว เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งร่างกฎหมายลูกดังกล่าวนี้คาดว่าน่าจะเป็นร่างกฎหมายลูกที่ยาวที่สุดเท่าที่ สนช.เคยได้รับมา โดยมีมาตราทั้งสิ้น 200 กว่ามาตรา ในขณะที่ สนช.และคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกลับเหลือเวลาพิจารณากฎหมายฉบับนี้แค่ 58 วันเท่านั้น
ดังนั้น เพื่อให้ทันกับกรอบเวลาการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. ตนคาดว่าในส่วนของกฎหมายที่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่กระทบต่อหลักการสำคัญของกฎหมาย ทางกรรมาธิการน่าจะตกลงกันได้เรียบร้อยไม่ต้องมาหารือในวาระ 2 และวาระ 3 อีก ส่วนเรื่องที่ใหญ่ๆอาทิประเด็นที่เคยปรากฏตามข่าวหนังสือพิมพ์ ทั้งเรื่องการรีเซต ป.ป.ช. เรื่องการส่งบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. และเรื่องอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. เรื่องเหล่านี้ก็คงต้องมาอภิปรายกันในสภาและต้องลงมติ สุดท้ายแล้วตนเชื่อว่า สนช.น่าจะเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.ได้ทันตามกำหนดและสรุปให้แก่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.
เมื่อถามว่า สนช.จำเป็นต้องเพิ่มเวลาการประชุมเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนร่างกฎหมายที่เข้ามาสู่การพิจารณาของ สนช.มากขึ้นหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า การมีกฎหมายที่เข้ามามากขึ้นนั้นมีทั้งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 10 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้บัญญัติไว้อีก 3 ฉบับ รวมเป็น 13 ฉบับ ซึ่งภาระหนักจะไปอยู่ที่คณะกรรมาธิการ ดังนั้น ตนก็มีนโยบายว่าสมาชิก สนช.อย่าเป็นคณะกรรมาธิการหลายคณะพร้อมกัน แต่ก็มีบางคนขยันขันแข็งมาก ทำงานเป็นกรรมาธิการ 2 คณะพร้อมกัน ก็ต้องมาทำงานแทบจะทุกวัน
นายพรเพชรกล่าวต่อถึงการรับสมัครคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนี้ว่า ตอนนี้ยังมีเวลาอีกหลายวันถึงจะครบกำหนดในช่วงปลายพฤศจิกายน เชื่อว่าในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีผู้มีคุณสมบัติมาสมัคร กกต.เป็นจำนวนมากหลังจากที่เขาได้ปรึกษาเพื่อนฝูงแล้ว และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการทาบทามบุคคล แต่ในส่วนภายประชาสังคมอาจจะมีปัญหาในการมาสมัครเป็น กกต.เพราะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งตามคุณสมบัติของ กกต.ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ต่างจากกลุ่มคนจากเอกชนและภาครัฐที่มีการดำรงตำแหน่งนาน
เมื่อถามต่อถึงสมาชิก สนช.ที่อาจจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปดำรงในแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายพรเพชรกล่าวว่า ในตอนนี้ยังไม่มีสมาชิก สนช.มาเปรยว่าจะลาออก ส่วนมากแล้วสมาชิก สนช.ถ้าจะลาออกจากตำแหน่งก็ลาออกเลย ไม่มีการมาเปรยใดๆ ทั้งสิ้น
