พิธีกรชื่อดัง “จั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน” ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 เดือน แต่รอการลงโทษ 1 ปี ปรับ 4,000 บาท กรณี ป.ป.ช.ฟ้องไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นจากตำแหน่งโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ครบ 1 ปี
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 6 ต.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนายธีมะ กาญจนไพริน หรือจั๊ด พิธีกรรายการโทรทัศน์ ขอให้วิจิจฉัยว่าจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) มาแล้ว 1 ปี โดยศาลพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี แต่ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
สำหรับคำพิพากษาดังกล่าวระบุว่า ผู้คัดค้าน (นายธีมะ) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโฆษกผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2556 และพ้นจากตําแหน่งโดยผลของกฎหมายเมื่อผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2556 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งแล้ว แต่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนดกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนดกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 (6) กําหนดให้ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. 2554 มาตรา 92 (10) กําหนดให้โฆษกผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวัน นับแต่วันเข้ารับตําแหน่ง วันพ้นจากตําแหน่ง และวันที่พ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งแล้ว ย่อมทราบว่าตนมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกําหนด แต่ผู้คัดค้านกลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนดกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกําหนดแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อหน้าที่อันสําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ซึ่งเป็นมาตรการที่กฎหมายบัญญัติเพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนดกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี มีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้ ผู้คัดค้านเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 การกระทําของผู้คัดค้านจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายธีมะ กาญจนไพริน ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดํารงตําแหน่งโฆษกผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
สำหรับนายธีมะ กาญจนไพริน หรือจั๊ด เกิดเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2525 จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ เอกสื่อสารการแสดง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักจัดรายการวิทยุตั้งแต่ปี 2546 รวมทั้งเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ในเครืออาร์เอสโปรโมชั่น ก่อนจะหมดสัญญาปี 2551 เป็นพิธีกรในรายการเมน อิน เทรนด์ ทางวอยซ์ทีวี (ยุคที่ยังเป็นอินเทอร์เน็ตทีวี) กระทั่งได้ลาออกไปจัดรายการวิทยุ ของบริษัท รวมมิตรครีเอชั่น แต่ได้ถูกพักงานและไล่ออกจากงาน หลังจากที่ได้จัดรายการทางอินเทอร์เน็ตวิพากษ์วิจารณ์การทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ในช่วงวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 กระทั่งเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย โดยจัดรายการที่ชื่อฟ้าทะลายโจร
ต่อมากลางปี 2556 ได้ดำรงตำแหน่งโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) แทนที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตดอนเมือง กระทั่งการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นายธีมะยังได้เป็นพิธีกรบนเวทีปราศรัย ขณะเดียวกันยังได้เป็นพิธีกรให้กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ จำกัด จัดรายการแก๊งเมนท์ และ 7 วันทันข่าว ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จีทีเอช ออนแอร์ กระทั่งเมื่อช่องดาวเทียมปิดตัวลงพร้อมกับบริษัท นายธีมะยังได้ตามไปจัดรายการเดิมทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 กระทั่งรายการได้ปิดตัวลงไป กระทั่งเดือนมิถุนายน 2559 นายธีมะได้เป็นพิธีกรรายการ ตื่นแต่เช้า ทางช่องวัน 31 ปัจจุบันนายธีมะเป็นพิธีกรและผู้ดำเนินรายการให้กับช่องวัน 31 เป็นหลัก ได้แก่ ข่าวเช้าช่องวัน ข่าวเย็นช่องวัน และข่าววันศุกร์