xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯเผย “ทรัมป์” ไม่ถามถึงการเมืองไทย แสดงว่าเข้าใจดี ปัดมุ่งซื้ออาวุธแค่เป็นกระบวนการที่มีอยู่แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เผย “ทรัมป์” ไม่ได้ถามถึงเรื่องการเมืองไทย แสดงว่าเข้าใจดี แจงประกาศวันเลือกตั้งปลายปี 61 ปัดไปเยือนเพื่อซื้ออาวุธ แจงทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งอยู่ในแผนใช้งบประจำปีอยู่แล้ว ส่วนที่เลือกสินค้าจากสหรัฐอเมริกา เพราะมีคุณภาพ

วันนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า การพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการหารือสองต่อสอง ตนได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในลาสเวกัสและภัยพิบัติเฮอร์ริเคนที่สหรัฐฯ ประสบอยู่ ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯ ที่เป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน 184 ปี ในปีนี้อย่างเป็นทางการ และคงต้องย้อนไปเกือบ 200 ปี สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ส่วนในเรื่องของการพัฒนาการเมืองไทย ท่านไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เป็นที่น่าแปลกใจ แสดงว่าท่านเข้าใจ เพราะฉะนั้น ตนได้ยืนยันเราเดินหน้าตามโรดแมป โดยจะมีการเลือกตั้งแน่นอนในปลายปีหน้า คำว่าเลือกตั้งก็คือ การประกาศวันเลือกตั้ง จากนั้นก็ต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการต่ออีกประมาณ 150 วัน ก็ยืนยันไปตามนั้นตามโรดแมป

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังชื่นชมประเทศไทย บอกว่า เมืองไทยสวยงาม คนไทยก็น่ารัก ตนก็ถือโอกาสขอเชิญท่านประธานาธิบดีและภริยาเยือนเมืองไทยด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเพียงแต่สอบถามความคิดเห็นเรากับเกาหลีเหนือ ไทยเองก็ยืนยันว่าต้องการเห็นความสงบสุขในคาบสมุทรเกาหลี การแก้ปัญหาที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง และพร้อมที่จะร่วมมือสหรัฐฯ และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อจะผลักดันให้เกาหลีเหนือกลับไปสู่โต๊ะเจรจามากกว่าที่จะเผชิญความรุนแรงระหว่างกัน ต้องหารือกันต่อไป ประเทศไทยก็ได้ทำตามพันธสัญญาทั้งมติของสหประชาชาติทั้ง 2 ไปแล้ว และหลายอย่างเราก็ริเริ่มเอง เช่น การลดความร่วมมือ การลดการควบคุม ในเรื่องของการทำงานต่างๆ ก็น้อยมาก เป็นสิ่งสำคัญในประเด็นร้อน

อีกเรื่อง ด้านความร่วมมือด้านความมั่นคง เรายืนยันของความสำคัญของการฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งมีการฝึกร่วมกันมา 35 ปี มี 28 ประเทศ ในการร่วมกันทำการฝึก และเราก็ต้องการความร่วมมือกับสหรัฐฯในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพราะสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศชั้นนำในเรื่องเหล่านี้ เราไม่ได้มีอาวุธเอาไว้เพื่อจะสู้รบกัน เรามีไว้เพื่อทำให้ไม่เกิดการรบกัน เป็นศักยภาพทางสงครามเท่านั้นเอง ก็คิดว่ายังมีความจำเป็นอยู่

นายกฯ กล่าวต่ออีกว่า อีกเรื่องคือ ภัยก่อการร้าย ตนก็ยืนยันว่า จะป้องกันการเคลื่อนไหวของไอซิสในประเทศไทย ถึงแม้จะมีข่าวอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของการลักลอบ ยังไม่มีเรื่องของการใช้อาวุธ ไม่มีเรื่องการแสดงตัวออกมา เหมือนกับการผ่านแดนอะไรหรือเปล่า รู้สึกจะพบอยู่ครั้งสองครั้งที่มี เพียงแต่เป็นชื่อ ประเทศไทยเองยังไม่มีใครไปร่วมการสู้รบ อาจมีอยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งคนจะเขียนอะไรก็ได้ในเว็บ เอาสนุกก็เขียนไปเรื่อย ใครอวยอะไรก็เห็นด้วยไปหมด ใช่ไหม วันนี้ต้องระมัดระวังการใช้โซเชียล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญอีกเรื่อง คือ ขอให้สหรัฐฯ ดูแลเรื่องสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น การแลกเปลี่ยนต่างตอบแทนกันในเรื่องสินค้าเกษตร ผลไม้ เหล่านี้ หารือในภาพกว้างแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องของคณะทำงานที่จะมาทำต่อทุกเรื่อง ผู้นำจะพูดกันในเรื่องหลักการ ว่า มีเรื่องอะไรบ้าง แต่ในส่วนของการทำงานจะมีคณะทำงานที่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด

“เพราะฉะนั้นการมาครั้งนี้ หลายคนอาจมองว่าผมคุยกับใครหรือเปล่า หรือจะมาซื้ออาวุธ ไม่ได้หรอกมั้ง ประเทศไทยไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีที่ไหน ที่มีเงินไปตกลงซื้อกับใครก็ได้ ทุกอย่างเป็นกระบวนการหมด ไม่ว่าจะอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มันอยู่ในแผนการใช้งบประมาณประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการคัดเลือกอยู่ในกรรมวิธี ซึ่งสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นสินค้ามีคุณภาพ ผมได้พูดคุย และยินดี เพียงแต่ขอให้ดูแลเรื่องราคา ราคามันสูง” นายกฯ กล่าว



คำต่อคำ : ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 6 ตุลาคม 2560


สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ในห้วงเดือนตุลาคมนี้ มีการปฏิบัติที่สำคัญๆ เกี่ยวข้องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุด รวมทั้งแสดงความจงรักภักดี และความอาลัยแด่พระผู้สู่สวรรคาลัย ผมขอเน้นย้ำในรายละเอียด และขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติ เพื่อเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสมพระเกียรติดังต่อไปนี้

เรื่องที่ 1 กำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวัดหยุดราชการพิเศษเพียงวันเดียว เฉพาะในปีนี้ ส่วนวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี ก็จะเป็นวันหยุดราชการ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ข้อ 2 ให้ขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเดิมเคยมีประกาศกำหนดระยะเวลา 1 ปี โดยขยายออกไปอีกจากวันที่ 13 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ทั้งนี้ขอให้สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานที่ทำการของรัฐทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกลดธงครึ่งเสา ในช่วงเวลาการไว้ทุกข์ดังกล่าว รวมเป็นเวลา 15 วัน และขอให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐออกทุกข์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560 โดยเริ่มทยอยเก็บภาพระบาย และป้ายต่างๆ สำหรับการเสด็จสู่สวรรคาลัย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป สำหรับประชาชนโดยทั่วไป และทุกภาคส่วนนั้น ผมขอความร่วมมือให้การไว้ทุกข์ และการออกทุกข์ได้สอดคล้องกับทางราชการตามที่ได้กล่าวมาแล้วด้วย

เรื่องที่ 3 สำหรับสถานบันเทิง และสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ ขอให้พิจารณางด หรือลดกิจกรรมบันเทิงตลอดเดือนตุลาคมนี้ เพื่อความเหมาะสมกับอารมณ์ และความรู้สึกของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศด้วย

และเรื่องที่ 4 เนื่องจากในวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ด้วยข้อจำกัดเรื่องการใช้พื้นที่ การจราจร และการรักษาความปลอดภัย ทำให้มณฑลพิธีท้องสนามหลวงไม่อาจจะรองรับสำหรับทุกคนได้ ดังนั้น พี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในพิธีต่างๆ ได้ ในพื้นที่โดยรอบได้ตามความสมัครใจ สำหรับการถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชนนั้น สามารถดำเนินการได้ ณ พระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศ ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ และวัดต่างๆ ที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งสถานทูตไทย และต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้บริการและรองรับประชาชนอย่างทั่วถึง จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้ง

ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว และรายละเอียดพระราชพิธีต่างๆ รวมทั้งสถานที่จุดวางดอกไม้จันทน์ใกล้บ้านท่านก็ได้ จากเว็บไซต์ และสายด่วนตามหน้าจอ หรือติดตามข่าวสารต่างๆ จากทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์อย่างใกล้ชิดด้วย

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ สำหรับการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนของผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 3 เป็นการเยือนระดับนายกรัฐมนตรีของไทยอย่างเป็นทางการ ในรอบ 12 ปี ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2548 นานมากแล้วนะครับ คณะที่มากับผมวันนี้ ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ยังมีภาคเอกชนไทยรายสำคัญที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เดินทางมาในครั้งนี้ด้วย เดินทางมาเอง มาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และมายืนยันเรื่องของการสร้างความเข้มแข็ง และแสวงหาโอกาส เพื่อจะขยายการลงทุนในสาขาต่างๆ เช่น ประธานหอการค้าไทย ประธานธุรกิจสหรัฐอเมริกา กลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่ม ปตท. บริษัท บ้านปู และอื่นๆ มาเกือบ 30 คน

สำหรับการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการหารือสองต่อสอง ผมได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในลาสเวกัสเมื่อคืนที่ผ่านมา และภัยพิบัติเฮอร์ริเคนที่สหรัฐฯ ประสบอยู่ ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯ ที่เป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน 184 ปี ในปีนี้อย่างเป็นทางการ และคงต้องย้อนไปเกือบ 200 ปี สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ในเรื่องของการพัฒนาการเมืองไทย ผมได้ยืนยัน ท่านไม่ได้ถามอะไรผมหรอก ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เป็นที่น่าแปลกใจ แสดงว่าท่านเข้าใจ เพราะฉะนั้นผมได้ยืนยันเราเดินหน้าตามโรดแมปของเรา โดยจะมีการเลือกตั้งแน่นอนในปลายปีหน้า คำว่าเลือกตั้งก็คือ การประกาศวันเลือกตั้ง จากนั้นก็ต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการต่ออีกประมาณ 150 วัน ก็ยืนยันไปตามนั้นตามโรดแมป

ผมก็ถือโอกาส ถ้ามีเวลา ท่านก็ชื่นชมประเทศไทย ท่านบอกว่า เมืองไทยสวยงาม คนไทยก็น่ารัก ก็เห็นในภาพ ในวิดีทัศน์อะไรต่างๆ หลายครั้ง ผมก็ถือโอกาสขอเชิญท่านประธานาธิบดีทรัมป์ และภริยา เยือนเมืองไทยด้วย ในโอกาสที่อาจจะในช่วงเดินทางไปร่วมประชุมที่เอเชียในเดือนหน้านี้ หรือโอกาสอื่นตามความเหมาะสม

การหารือต่อไปก็เป็นการหารือเต็มคณะ ใน working Lunch คือการทานอาหารไปด้วย และพูดคุยกันไปด้วย ก็เป็นประเด็นในเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ ของสองประเทศ ความเป็นมิตรยาวนาน 200 ปี และก็จะครบ 185 ปี ทางการทูตในปีหน้า เราต่างมีนโยบายในทางเดียวกัน คือ การให้ความสำคัญกับผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งนโยบายอเมริกันเฟิร์สของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสำหรัฐอเมริกา ก็สอดคล้องและเชื่อมโยงกับไทยแลนด์ 4.0 ของไทย และประชารัฐของไทย เพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนอย่างเท่าเทียม และครอบคลุม

ในประเด็นของความร่วมมือในภูมิภาค ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องมุมมองของไทยกับบทบาทของจีนในภูมิภาค ผมก็คุยว่า ไทยก็มองจีนเป็นมิตร และจะร่วมมือกันในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านเศรษฐกิจ เราเองก็มีความเป็นเอกเทศในเชิงนโยบาย ฉะนั้นจีนมีความสำคัญในทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าที่ใกล้ชิดในอาเซียนทุกประเทศ

สำหรับปัญหาทะเลจีนใต้ ก็เป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจและความไว้วางใจระหว่างจีนกับอาเซียน อันนี้ทางสหรัฐและเราในนามอาเซียนก็คงขอให้สหรัฐฯสนับสนุนบทบาท แกนกลางและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน ในการที่จะเจรจาแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี สำหรับประเทศไทยก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องในเรื่องดินแดนอะไรต่างๆ เหล่านั้น แต่เราก็ต้องสนับสนุนในเรื่องของการทำให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ

ในส่วนของเกาหลีเหนืออันนี้เป็นประเด็นร้อน ซึ่งก็ไม่ได้มีการคาดคั้นอะไรกัน เพียงแต่ว่าก็ได้สอบถามความคิดเห็นเรากับเกาหลีเหนือ ไทยเองก็ยืนยัน ว่าเราต้องการเห็นความสงบสุขในคาบสมุทรเกาหลี การแก้ปัญหาที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง และพร้อมที่จะร่วมมือสหรัฐฯ และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อจะผลักดันให้เกาหลีเหนือกลับไปสู่โต๊ะเจรจามากกว่าที่จะเผชิญความรุนแรงระหว่างกัน ต้องหารือกันต่อไป ประเทศไทยก็ได้ทำตามพันธสัญญาทั้งมติของสหประชาชาติทั้ง 2 ไปแล้ว และหลายอย่างเราก็ริเริ่มเอง เช่น การลดความร่วมมือ การลดการควบคุม ในเรื่องของการทำงานต่างๆ ก็น้อยมาก เป็นสิ่งสำคัญในประเด็นร้อน

อีกเรื่อง ด้านความร่วมมือด้านความมั่นคง เรายืนยันของความสำคัญของการฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งมีการฝึกร่วมกันมา 35 ปี มี 28 ประเทศ ในการร่วมกันทำการฝึก และเราก็ต้องการความร่วมมือกับสหรัฐฯในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพราะสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศชั้นนำในเรื่องเหล่านี้ เราไม่ได้มีอาวุธเอาไว้เพื่อจะสู้รบกัน เรามีไว้เพื่อทำให้ไม่เกิดการรบกัน เป็นศักยภาพทางสงครามเท่านั้นเอง ก็คิดว่ายังมีความจำเป็นอยู่

อีกเรื่องคือ ภัยก่อการร้าย วันนี้ผมก็ยืนยันว่า จะป้องกันกสรเคลื่อนไหวของไอซิสในประเทศไทย ถึงแม้จะมีข่าวอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของการลักลอบหรืออะไรทำนองนี้ ยังไม่มีเรื่องของการใช้อาวุธ ไม่มีเรื่องการแสดงตัวออกมา เหมือนกับการผ่านแดนอะไรหรือเปล่า รู้สึกจะพบอยู่ครั้งสองครั้งที่มี เพียงแต่เป็นชื่อ ประเทศไทยเองยังไม่มีใครไปร่วมการสู้รบ อาจมีอยู่ในเว็บไซต์ อาจมีเขาเรียกอะไรนะ วันนี้ คนจะเขียนอะไรก็ได้ในเว็บไซต์ เราได้ติดตาม เราไม่ได้เกี่ยวข้อง เอาสนุกก็เขียนไปเรื่อย ใครอวยอะไรก็เห็นด้วยไปหมด ใช่ไหม วันนี้ต้องระมัดระวังการใช้โซเชียล

เรื่องการค้าการลงทุนวันนี้ เราคงไม่ได้พูดถึงว่าเรามีสนธิสัญญาไมตรีระหว่างกัน ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1833 ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีนักธุรกิจอเมริกันได้ประโยชน์เหมือนเป็นคนไทย เป็นการลงทุนประเทศเดียวที่ได้สิทธิอยู่ อันนี้เราอยากให้สหรัฐอเมริกาดูแลเราในเรื่องเหล่านี้บ้างเป็นพิเศษ เราเลยมีข้อตกลงความร่วมมือในการผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้สูงขึ้นในระบบกลไกที่มีอยู่ พร้อมทั้งตั้งกลไกใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนหาวิธีการขจัดปัญหาอุปสรรคเหตุติดขัดต่างๆ มีกลไกเดิมอยู่แล้วคือ สมาคมยูเอสอาเซียน ซึ่งเป็นของสหรัฐอเมริกากับอาเซียนทุกประเทศ ผมคิดว่า ถ้าเราจะร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น ถ้าเร็วขึ้น มันน่าจะมีกลไกใหม่ขึ้นมาคือ สมาคมกลไกที่ทำหน้าที่เจรจา เพื่อจะเร่งรัดกระบวนการทำงานระหวางเรา ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาโดยตรง มันจะได้เร็วขึ้น

เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ผมพูดกับสหรัฐอเมริกาคือ ขอให้สหรัฐฯ ดูแลเรื่องสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น การแลกเปลี่ยนต่างตอบแทนกันในเรื่องสินค้าเกษตร ผลไม้ เหล่านี้ หารือในภาพกว้างแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องของคณะทำงานที่จะมาทำต่อทุกเรื่อง ผู้นำจะพูดกันในเรื่องหลักการ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ในส่วนของการทำงานจะมีคณะทำงานที่ได้พูดคุยกันในรายละเอียดว่าทำได้ไม่ได้ ทำไม่ได้ต้องแก้ยังไง มีอุปสรรคตรงไหน ทุกเรื่องเลยนะครับ เพราะฉะนั้นการมาครั้งนี้ หลายคนอาจมองว่า ผมคุยกับใครหรือเปล่า หรือจะมาซื้ออาวุธ ไม่ได้หรอกมั้ง ผมไม่ได้เป็น ประเทศไทยไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีที่ไหน ที่มีเงินไปตกลงซื้อกับใครก็ได้ ทุกอย่างเป็นกระบวนการหมด ไม่ว่าจะอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มันอยู่ในแผนการใช้งบประมาณประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการคัดเลือกอยู่ในกรรมวิธี ซึ่งสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นสินค้ามีคุณภาพ ผมได้พูดคุย และยินดี เพียงแต่ขอให้ดูแลเรื่องราคา ราคามันสูง

หลังจากการหารือวันนี้ก็ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท PTTCG America LLC กับหน่วยงาน JobsOhio คือ เป็นการลงทุนของ PTTCG ร่วมทุนกับทางอเมริกาที่รัฐโอไฮโอ ว่าด้วยความร่วมมือในการศึกษา วางแผน และจะทำโครงการพัฒนาเพื่อจะยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ในเขตเบลมอนต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานปิโตรเคมี ภายหลังอาจจะมีการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ซึ่งคงต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน ก็เหมือนกันทุกประเทศนะ ถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ถ้าจะทำอะไรที่มีผลกระทบ เราต้องดูแลชุมชนให้ดีที่สุด วันนี้ ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลนี้ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ในเรื่องของการประกอบการธุรกิจ โดยจะต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วย เขาเรียกว่าสิทธิมนุษยชนในการประกอบการธุรกิจ และต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนร่วมกันระหว่างโรงงานปิโตรเคมีและชุมชนด้วย นี่ก็เป็นทุกโรงงานนั่นล่ะ วันนี้เราก็มีมาตรการที่มันเข้มงวดขึ้น การลงทุนใหม่ของต่างประเทศในประเทศไทยด้วย ก็จะต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รักษากติกาทั้งหมด กำหนดไว้ใน TOR ให้ชัดเจนขึ้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องปิดโรงงาน วันนี้รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้นะครับ

ในเรื่องของกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ผมได้มีโอกาสที่จะกล่าวถ้อยคำกับบรรดานักธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องการค้าและการลงทุน และมีการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน ที่เรียกว่า USABC และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา (US Chamber of Commerce) รวมทั้งได้มีการพบปะประชาชนคนไทยก่อนเดินทางกลับด้วย ก็คงจะให้กำลังใจซึ่งกันและกันที่ผมมาทุกครั้ง ก็ขอบคุณคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ อุตส่าห์เดินทางมาจากหลายรัฐ หลายมลรัฐ ทางรถบ้าง ทางเครื่องบินบ้าง โดยที่ไม่ได้ไปบังคับ ทุกคนก็เต็มใจที่จะมา ผมถือว่าเป็นการให้กำลังใจจากพี่น้องคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมากนะครับ ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศแล้ว เป็น citizen ไปแล้ว ก็ยังไม่ลืมความเป็นคนไทย อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนไทยในประเทศให้รู้สึกอย่างนี้บ้าง สำหรับบางพวก บางคนนะ ผมก็ไม่อยากไปกล่าวถึง

ขอขอบคุณนะครับ วันนี้บรรยากาศก็เปลี่ยนไป ฉากหลังก็จะเห็นเป็นบรรยากาศของสหรัฐอเมริกา บ้านเราก็งดงาม สวยงาม ถ้าเอาภาพมาดูแล้ว หลายอย่างบ้านเราก็มีเสน่ห์คนละแบบ เขาเรียกว่ามีชีวิตคนละแบบ มีชีวิตชีวา บ้านเราคนเยอะ เดินว่อนกันไปหมด บ้านนี้ก็รู้สึกเงียบๆ แต่เผอิญเป็นเมืองด้านการศึกษาด้วยอะไรด้วย ก็ไม่ค่อยจะพลุกพล่านเท่าไร แต่ความสวยงาม มีแม่น้ำโปโตแมค (Potomac) อยู่ทางด้านซ้ายของผม มีเส้นทางเลียบแม่น้ำ คูคลองเขาก็ขุดลอกอยู่ เพื่อให้เป็นสถานท่องเที่ยวไปด้วย ก็ถูกกลบถูกฝังไปเหมือนกัน เราก็ต้องย้อนกลับไปสู่ธรรมชาติ ประเทศไทยเรามีอะไรต่างๆ ที่ดีเหล่านี้อยู่แล้ว ทำยังไงเราจะฟื้นฟูได้ เรื่องขยะ

ผมไปต่างประเทศผมเห็นเวลาเขาซ่อมถนนหนทาง สร้างสะพาน ทำอะไรต่างๆ ก็ตาม บรรดาช่าง แรงงาน เขาก็มีความเป็นอยู่เรียบร้อยนะ เพราะกองของ กองเครื่องมือบ้านเราทำไมมันเกะกะ ระโยงระยาง เกลื่อนไปหมดเลย มีทั้งถัง มีทั้งหม้อข้าว มีทั้งอะไรต่ออะไรบนถนนหนทาง มันเป็นหน้าเป็นตาประเทศนะ ใครไปใครมามันดูไม่ค่อยงดงาม บรรดาก่อสร้างช่วยดูแลจัดระเบียบด้วย แล้วทำอะไรให้มันเร็ว ไม่ใช่ทำน้าน นาน คนเขาก็เดือดร้อนนาน ฉะนั้นเวลาในการทำงานอาจจะต้องกระชับขึ้น ในการทำสัญญาอะไรต่างๆ เพราะมันมีผลกระทบกับคนส่วนใหญ่

ขอขอบคุณ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น