อดีตรองหัวหน้า ปชป.มองเหตุป่วนใต้ถี่และรุนแรงขึ้น มุ่งหวังแบ่งแยกดินแดนชัดเจน จี้รัฐเข้มงวดงานข่าว-จุดตรวจ ผบ.ต้องลงมากำกับเอง ต้องบังคับใช้ กม.เข้มข้น แขวะ “อักษรา” โม้ทุกครั้งเวลาไปเจรจา แนะควรใช้การเมืองนำทหาร กำหนดเงื่อนไขพูดคุยให้ชัดเจน จี้รัฐบาลทหารทบทวนการทำงาน
วันนี้ (22 ก.ย.) นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา ในวันที่ 19 ก.ย. และเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี ในวันที่ 22 ก.ย.ว่า ถือเป็นการก่อเหตุที่ถี่และรุนแรงมาก กลุ่มที่ก่อการนั้นมีความต้องการจะแบ่งแยกดินแดนอย่างชัดเจน เป็นกลุ่มก่อการที่มีจำนวนแค่น้อยนิดแต่ว่าทรงประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะว่า 1. เขาสามารถประกอบวัตถุระเบิดเองได้ 2. เขาสามารถจะลำเลียงวัตถุระเบิดผ่านไปไหนมาไหนได้ ดังนั้น ตนขอย้ำว่าทางฝ่ายภาครัฐจะต้องเข้มงวดในเรื่องงานข่าว เข้มงวดในด้านการตั้งจุดตรวจให้มากและเข้มข้นกว่านี้อีก โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องลงมาดูแลกำกับจุดตรวจด้วยตัวเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทางฝ่ายรัฐบาลอาจจะยังไม่ได้เจรจาพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างซึ่งมีหลายพวก นายถาวรกล่าวว่า กลุ่มที่ยังไม่เจรจาคือกลุ่มบีอาร์เอ็นซึ่งแนวทางของเขาก็ยังคงใช้ความรุนแรงอยู่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทั้งในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลในเวลานั้นได้มีการเจรจากับทุกกลุ่มโดยแบ่งแยกกันทำหน้าที่ แต่ว่าไม่ได้นำเอาเรื่องการเจรจาขึ้นมาอยู่บนโต๊ะจึงทำให้ไม่เกิดลักษณะการหาเสียงจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่อย่างไรก็ตาม ในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเอาเรื่องการเจรจาขึ้นมาอยู่บนโต๊ะทำให้เกิดภาพการหาเสียงจากทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยอวดอ้างว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้โดยใช้มาเลเซียเป็นสะพาน ท้ายที่สุดก็ได้เห็นผลแล้วในปัจจุบันว่าสิ่งที่นายทักษิณได้ทำนั้นประสบความสำเร็จแค่ไหน
นายถาวรกล่าวต่อว่า ส่วนฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบที่ตนบอกว่าเขาได้หาเสียง เขาก็ได้อ้างตัวว่าแนวทางของตนนั้นถูกต้องและถูกทาง แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเจรจาก็พยายามจะแสดงออกมาว่าการเจรจานั้นล้มเหลว เช่น การเจรจาในเรื่องเขตสันติภาพ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเขาก็จะยิ่งออกมาแสดงพลังอำนาจ ออกมาก่อเหตุขึ้น เพื่อทำให้การเจรจาไม่สำเร็จ
เมื่อถามย้ำว่าดังนั้นการเจรจาควรจะดำเนินไปกับทุกกลุ่มและเป็นไปในทางลับใช่หรือไม่ นายถาวรกล่าวว่าคงจะลับไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ก็ออกมาคุยโม้ ออกมาตีปี๊บแทบทุกครั้งเวลาจะลงไปเจรจาทีหนึ่ง ดังนั้น ตนขอเรียกร้องว่าการเจรจาจะต้องดำเนินต่อไป แต่ต้องตั้งเงื่อนไขกับฝ่ายที่มาเจรจาให้ชัดเจน และใช้การเมืองนำการทหารโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดเข้มข้นกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะมาเจรจาหรือไม่ก็ตาม
“ผมขอตั้งคำถามกลับไปยังฝ่ายทหารซึ่งเป็นผู้คิดและกำหนดนโยบายและเป็นผู้นำนโยบายไปปฏิบัติตั้งแต่เข้ามามีอำนาจในปี 2557 เมื่อผลออกมาในลักษณะนี้ทหารก็ควรจะทบทวนการทำงานของตัวเองว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ เรื่องนี้คงจะไปโทษนักการเมืองไม่ได้แล้วเพราะว่าไม่มีนักการเมือง” นายถาวรกล่าว