ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อให้ “พงศ์พร” ดูชายแดนใต้ไม่น่ามีปัญหา เคยตรวจราชการมาแล้ว ด้าน “วิษณุ” ย้ำไม่เกี่ยวปมทุจริตเงินทอนวัด แย้มมีคนพยายามโยงให้พระทะเลาะกับรัฐบาล ลั่นรู้หมดแล้วใครชักใย อ้างที่ย้ายหวังแก้ปัญหาบางอย่าง ยัน ผอ.พศ.จะมีเรื่องกับมหาเถระไม่ได้ ชี้ภารกิจสอบโกงภายในสู่ภายนอก อ้างธงสนามกอล์ฟอัลไพน์ไม่นิรโทษกรรมคนผิด เยียวยาชาวบ้าน คาดเจ้าตัวรู้ช่องทางอุทธรณ์
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงนามในคำสั่งมอบหมายงานให้ผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ที่มีคำสั่งโยกย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบเขตตรวจราชการพื้นที่ 5 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล ว่าตนได้ลงนามคำสั่งดังกล่าวเพื่อแบ่งงานให้ผู้ตรวจราชการใหม่ที่เพิ่งมีคำสั่งโยกย้ายมา ซึ่งเดิม นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลตรวจราชการพื้นที่จังหวัดทั้ง 2 เขต คือ เขต 16 (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) กับ เขต 8 (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล) มานานกว่า 3 ปี ได้ขอถอดเขตตรวจราชการออกหนึ่งเขต จึงแบ่งงานให้กับผู้ตรวจราชการที่มาใหม่รับผิดชอบเขต 8 ซึ่งเป็นเขตที่ว่างอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะเขตดังกล่าวตนก็เคยรับผิดชอบตรวจราชการพื้นที่นั้นมาแล้ว
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ที่ผ่านมาได้ตอบคำถามและย้ำมาตลอดว่าสาเหตุการโอนย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่ได้มีความผิด ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการเข้าไปตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนวัด แต่มีคนพยายามที่จะทำให้เกี่ยวเพื่อให้พระทะเลาะกันเอง หรือพระทะเลาะกับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลรู้หมดแล้วว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังกลไกเหล่านี้ ที่ย้ายเพราะจำเป็นต้องให้ออกมาเพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง แต่ในช่วงเวลาที่รอเวลาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง การทำงานก็ยังต้องเดินต่อไป จึงให้นายกนก แสนประเสริฐ รอง ผอ.พศ.รักษาการไปก่อนเพราะรู้เรื่องภายในเป็นอย่างดี แต่หากพ้นจากช่วงวันที่ 30 ก.ย.ไปแล้วไม่กรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จำเป็นต้องตั้งนายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา มาทำหน้าที่ ผอ.พศ.
นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับภารกิจของ ผอ.พศ.คนใหม่จะเหมือนคนเดิมที่ผ่านมา คือ สนองงานคณะสงฆ์ โดยมีมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นศูนย์กลาง เปรียบไปแล้วเหมือนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเลขาฯ ครม.จะมีเรื่องกับ ครม.ไม่ได้ฉันใด ผอ.พศ.จะมีเรื่องกับ มส.ไม่ได้ฉันนั้น ส่วนจะมีเรื่องกับรัฐมนตรีคนใดหรือไม่นั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ให้ไปว่ากันเอง ตนไม่รับรู้และไม่เคยได้ยิน ภารกิจที่ 2 ต้องตรวจสอบเรื่องการทุจริตโดยเริ่มจากภายในไปสู่ภายนอกว่ามีอดีต ผอ.พศ.เจ้าหน้าที่ หรือพุทธศาสนาจังหวัด (พสจ.) จังหวัด คนใดไปเกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจ เมื่อพบว่าผิดแล้วมีหลักฐานซัดทอดไปถึงใคร เช่น สังฆการี ไวยาวัจกร พระ คนภายนอก จึงสาวไปถึงคนเหล่านั้น ไม่ใช่สอบจากพระแล้วสาวมาถึงบุคคลในกรม เพราะงบประมาณรัฐจัดให้กรมไปจัดสรร ไม่ใช่จัดให้วัด ภารกิจที่ 3 คือการร่วมมือด้านศาสนพิธีในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ดังนั้น พศ.และกรมการศาสนาต้องทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน
นายวิษณุกล่าวว่า ภารกิจที่ 4 คือ สะสางคดีที่ดินอัลไพน์ โดยมีธงในการทำงานไว้ให้ คือจะต้องไม่นิรโทษกรรมให้แก่คนที่ผิดเด็ดขาดและเยียวยาประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบการซื้อและเช่าที่ดิน ทั้งที่ไปจำนองไว้กับธนาคาร จะต้องหาทางเยียวยาการออกกฎหมายอย่างที่มีการคิดจะทำอาจจะไม่ใช่คำตอบ ซึ่งผอ.พ.ศ.อธิบดีกรมการศาสนาจะต้องเข้ามาช่วยดู
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ต.ท.พงศ์พรคิดว่าคำสั่งโอนย้ายไม่เป็นธรรมจะมีช่องทางในการอุทธรณ์ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่พูดแล้ว คิดว่าเขาคงรู้ เพราะเขาเก่งออก ไม่จำเป็นต้องสอนฝากสื่อไปบอกเขา เขารู้”