รองประธาน สนช. เผย สนช. เสียงข้างมาก - น้อย ต้องหารือเตรียมส่งตัวแทน 1 คน แจงศาล รธน. ปมมติไม่เซตซีโร่ผู้ตรวจฯ รอคำร้อง กสม. แย้งมติเซตซีโร่ก่อนเข้าที่ประชุม สนช.
วันนี้ (27 ส.ค.) นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 36 สนช. ที่ได้เข้าชื่อให้วินิจฉัยร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีที่ สนช. มีมติไม่เซตซีโร่ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบันขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ขณะนี้ ทั้ง สนช. ฝ่ายเสียงข้างมาก และ 36 สนช. ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยต้องคุยกันเพื่อมอบหมายตัวแทนฝ่ายละ 1 คน เพื่อไปชี้แจงเหตุผลต่อศาลในวันที่ 30 ส.ค. นี้ ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขัดตามที่ 36 สนช. ยื่นคำร้องจริงเนื้อหาในส่วนที่ศาลชี้ว่าขัดจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ แต่จะไม่ตกไปทั้งฉบับ เพราะถือว่าเป็นร่างที่ผ่าน สนช. แล้ว ดังนั้น สนช. คงต้องหารือในกรณีดังกล่าวต่อไป เนื่องจากข้อบังคับการประชุม สนช. ไม่ได้มีทางออกในกรณีนี้ไว้ แต่ส่วนตัวคิดว่า คงจะนำสิ่งที่ศาลชี้กลับเข้ามาให้ที่ประชุมสนช. แก้ไขร่างให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยต่อไป ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นบรรทัดฐานกับร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นที่รอการพิจารณา เพราะหากการพิจารณาในฉบับอื่นมีประเด็นขัดแย้งก็สามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เหมือนกับกรณีนี้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ที่สมาชิกมีสิทธิเข้าชื่อเพื่อยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ว่า กฎหมายมีเนื้อหาขัดเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังกฎหมายผ่าน สนช. ว่า ถือเป็นภาพดีที่เมื่อมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันแล้วใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญในการยุติข้อขัดแย้งกัน
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ (กสม.) มีมติ 4 ต่อ 2 แย้งเนื้อหาสถานะของ กสม. ชุดปัจจุบัน หลัง สนช. มีมติให้เซตซีโร่ทั้งคณะในร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม. นั้น เมื่อ สนช. ได้รับคำร้องอย่างเป็นทางการก็จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่ สนช. เพื่อขอมติตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จำนวน 11 คนต่อไป