ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ผงะ“สมเด็จสนิท-เจ้าคุณธงชัย”มีชื่อเซ็นใบปริญญา มหา’ลัย IUM จดทะเบียนที่ฟลอริดา เมืองมะกัน แต่เรียนทางออนไลน์ มุ่งสอน“พุทธพาณิชย์”โจ่งแจ้ง เน้นระดับ ป.โท-เอก
แม้ตัว พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะเงียบๆไปแล้ว แต่เรื่องข่าวฉาวโฉ่ของ“พระสงฆ์องคเจ้า”ในแง่ลบยังมีอยู่เป็นระยะ .. ล่าสุดในโลกโซเชียล กำลังตั้งข้อสังเกตกันถึงสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ที่ระบุพิกัด มลรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ชื่อ “INTERNATIONAL UNIVERSITY OF MORALITY” หรือ “IUM”ที่มีการเปิดสอนระดับปริญญาตรีโท-เอก ในระบบออนไลน์อินเทอร์เน็ต สำหรับผู้สนใจทั่วโลก .. ตอบโจทย์โลก 4.0 เรียนได้โดยไม่ต้องเดินทาง ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา อายุ และเพศ แถมมี“ภาษาไทย”รองรับด้วย .. ขณะที่หลักสูตรพบว่า มีหลักสูตร“บริหารธุรกิจและสาธารณะคุณธรรม - การบริหารการศึกษาคุณธรรม”เรื่อยไปถึงหลักสูตร“การบริหารวัดและศาสนสถานคุณธรรม”อ่านแค่ชื่อหลักสูตร ก็ชัดเจนว่า เดินสาย“พุทธพาณิชย์”..ส่วนสถานภาพทางกฎหมายในเว็บของสถาบัน อ้างว่า เป็นสถานศึกษาทางด้านศาสนา มีเป้าหมายของการศึกษาตามกฎหมาย เพื่อการผลิตบุคลากร สำหรับการทำงานเป็นผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงาน .. โดยมีคนตั้งข้อสงสัยมากมายว่า ตั้งแต่สถาบันนี้ เป็นสถาบันที่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หรือไม่ .. เหตุที่ไปตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับ สกอ.ไทยแลนด์ ก็เพราะเมื่อเข้าไปดูรายชื่อผู้บริหารปรากฏชื่อ พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ “เจ้าคุณธงชัย”ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม และ พระพรหมสิทธิ หรือ“เจ้าคุณธงชัย”รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศวรมหาวิหาร นั่งเป็นที่ปรึกษาอยู่ นอกจากนี้ ยังพบว่า ทั้ง 2 รูป เป็นคนลงนามในปริญญาบัตร ที่มอบปริญญาให้กับพระสงฆ์ และเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ด้วย ร่วมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ“สมเด็จสนิท”เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ด้วย .. งานนี้ไม่รู้ สกอ.ไทยแลนด์ หรือผู้เกี่ยวข้องเห็นหรือยัง อย่างไรสร้างความมั่นใจให้ประชาชน หรือพระสงฆ์ที่ไปเรียนหน่อยว่า ที่เรียนกันมานั้นได้รับการรับรองที่ถูกต้อง เพราะมีการพะวงกันเยอะว่า กลัวจะเป็น“มหาวิทยาลัยเถื่อน”เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค ส่วนทางสงฆ์จะผิดอวดอุตริหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ .
** เปิดหน้ากากพ่อลูกประสารราชกิจ“ลูกโอม คอกเทล”ปัดเล่นดนตรีในผับที่มีเด็กอายุต่ำ 20 เข้า เสียงชมเกรียวกราว“พ่อกุ้ยป.ป.ช.”อิดออดอุทธรณ์คดี 7 ตุลาฯ เสียงโห่ระงม
กลายเป็นประเด็นดรามาในโซเชียลกันไม่กี่วันที่ผ่านมา .. หลังนักร้องชื่อดังที่ช่วงนี้กำลังเปรี้ยงปร้าง จาก“หน้ากากหอยนางรม”ในรายการร้องเพลงยอดฮิตอย่าง “โอม”ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำแห่งวงร็อก “ค็อกเทล”โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงกรณีไปเล่นดนตรีที่ร้านแห่งหนึ่งใน จ. นครปฐม .. ปรากฏว่า วันดังกล่าวมีคนเข้ามาแน่นร้าน กว่า 2,500 คน แฟนคลับล้นหลามขนาดนี้ โดยปกตินักดนตรีคงอยากขึ้นไปโซโล ปล่อยของเต็มที่ .. แต่ไม่ใช่กับ“หนุ่มโอมและผองเพื่อน” ประเด็นที่อยู่ที่วันนั้น มีคนในวงคอกเทล สังเกตเห็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เล็ดลอดเข้ามาเชียร์วงตัวเอง .. ทำให้ “หนุ่มโอม”และเพื่อนๆ ตัดสินใจไม่ยอมขึ้นเล่น เนื่องจากไม่ต้องการสนับสนุนให้มีการกระทำผิดกฎหมาย ประกาศออกไมค์ไปว่า “..ดีใจที่อยากมาเจอพี่นะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของน้อง ทางวงยังขึ้นเล่นไม่ได้ เนื่องจากทางร้านต้องกรองน้องๆ ที่อายุไม่ถึงออกไปก่อน อยากเล่นให้น้องๆ ดูนะครับ แต่ถ้าพี่ยอมเล่นให้น้องๆ ที่ยังอายุไม่ถึงดูในวันนี้ ก็เท่ากับว่าพี่สนับสนุนให้แหกกฎ พี่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ หวังว่าน้องจะเข้าใจนะครับ รอให้ถึงเวลาของน้องจริงๆ ดีกว่าครับ ไว้เจอกันงานอื่นๆนะ..” ..
งานนี้เดือดร้อน“โลกโซเชียล”ที่ต้องมาวิจารณ์กันกระหึ่ม มีทั้งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย กับการกระทำของนักร้องดัง .. ซึ่งฝ่ายที่เห็นด้วยก็ชื่นชมกับการตัดสินใจ เพราะมองว่า การปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ยิ่งเจ้าตัวเรียน ชื่อชั้นไม่ธรรมดา จบกฎหมาย จาก 2 มหาวิทยาลัยชั้นนำ“จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์” ระดับเกียรตินิยม อันดับ 1 พ่วงดีกรีเนติบัณฑิต สมัยที่ 68 จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม
โบราณว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ชม “หนุ่มโอม”แล้วก็อย่าลืมชื่นชมคุณพ่อ-คุณแม่ ที่สอนสั่งลูกมาดี .. ก็“หนุ่มโอม”ไม่ใช่อื่นไกล นามสกุล “ประสารราชกิจ”ก็มาจากการเป็นทายาท “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. ที่ปัจจุบันเป็น ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั่นเอง .. แม้จะเป็นคนละเรื่องละราว คนละหน้าที่ คนละบทบาท แต่มันก็อดจะเอามาเทียบเคียงกับสถานการณ์ของผู้เป็นพ่ออย่าง “บิ๊กกุ้ย”ไม่ได้ .. เพราะจะว่าไป เป็นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนกัน เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างจับจ้องว่า สุดท้ายจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หรือไม่ .. เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เป็น“กฎหมายสูงสุด”ของประเทศในปัจจุบัน ได้เปิดช่องให้สามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาฯได้ภายใน 30 วัน หลังศาลมีคำพิพากษา .. ขณะที่ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งชีวิต และทรัพย์สินในเหตุการณ์ ต้องการให้สำนักงานป.ป.ช. ที่เป็นผู้ชี้มูลในคดีดังกล่าวเอง ทำการอุทธรณ์ เพราะติดใจในหลายประเด็น .. โดยเฉพาะคำพิพากษาศาลปกครอง ที่ระบุว่า การชุมนุมครั้งนั้น เป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ .. แต่ดูเหมือน “บิ๊กกุ้ย”อิดออด เหมือนไม่อยากจะทำ ก็ไม่รู้ว่า มันจะเสียหายอะไร กับการต่อสู้ตามช่องทางที่มีคนคาใจ ก็ได้แต่หวังว่า ที่“หนุ่มโอม”ปฏิบัติตามกฎหมายแบบเคร่งครัด จนได้รับคำชมในฐานะ “ลูกไม้”ที่ดีแล้ว “ต้นไม้”อย่าง “พ่อกุ้ย”ก็อย่าน้อยหน้าละกัน
** สตง.ตีปิ๊บสอบ งบ อปท. เอี่ยวระดม“แฟนคลับปู”วันพิพากษาคดีข้าว แค่หมาก“เขียนเสือให้วัวกลัว”ถ้าสอบท้องถิ่นถลุงงบกันจริงๆ“บิ๊กคลองหลอด”ก็ไม่น่ารอด
ไม่ผิดปกติ เพราะเป็นการทำงานสไตล์ทหารที่ต้องประเมินสถานการณ์“ขั้นร้ายแรงที่สุด”เอาไว้ก่อน .. หลังลุยบล็อกช่องทางที่จะอีกฝั่งจะระดมมวลชนมาให้กำลังใจ “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ .. ไล่ตั้งแต่กรณีที่ กสทช. มีคำสั่ง ให้พักใบอนุญาต สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม“พีซทีวี”เป็นเวลา 30 วัน หลังพบว่า เนื้อหาในรายการ “เข้าใจตรงกันนะ”เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม และรายการ “ห้องข่าวเล่าเรื่องสุดสัปดาห์”เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม มีเนื้อหาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี ซึ่งครอบคลุมเวลาที่ศาลฎีกาฯ จะมีคำพิพากษา อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย .. เรื่อยมาถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึง “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ขอให้ตรวจสอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) หลังพบว่า มีการนำงบประมาณไประดมพลเพื่อขนคนเข้ากรุงมาให้กำลังใจ“หนูปู” .. ขณะที่ “มท.1”ก็รับลูกเรียบร้อยแล้วว่า จะดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว .. เรื่องนี้มันก็ชัดยิ่งเสียกว่าอะไรว่า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ “เขียนเสือให้วัวกลัว”สกัดฝั่งตรงข้ามโดยแยบยล แล้วน่าจะได้ผลไม่น้อยเลย .. เพราะการที่ สตง. ออกมาตีปี๊บเรื่องนี้ จะทำให้ อปท. บางแห่งที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย หวาดผวา .. อย่างที่รู้กัน สำหรับ“สตง.-อปท.”คล้ายกับ “งูเหลือมกับเชือกกล้วย”อปท.เจอทีไรเป็นออกอาการเซ็ง โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ ที่ว่ากันตามความจริง อปท. เกือบจะทุกแห่ง ทำกันไม่ค่อยถูกต้องเสียเท่าไร
จะเห็นว่า ที่ผ่านมาเวลา สตง. ชงเรื่องเข้าที่ประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อส่งให้ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 พักงานข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้บริหารท้องถิ่นที่พัวพันการทุจริตนั้น ผู้บริหารท้องถิ่นนี่มีจำนวนมากที่สุด .. ที่สำคัญ ส่วนใหญ่มาจากการชงของ สตง. เสียด้วย งานนี้เลยเหมือนเป็นการขู่เป็นนัย ถ้าใครคิดอยากจะร่วมสังฆกรรมกับกิจกรรมระดมพลคนเสื้อแดงในครั้งนี้ มีสิทธิ์ถูก“พักงาน”เอาได้เหมือนกัน .. การออกมาตีเกราะเคาะไม้ของ สตง.ครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นส่งสัญญาณไปที่อปท.ทั่วประเทศ ราวกับเป็นการสะกิดว่า แต่ละแห่งล้วนมีแผล ถ้าคิดจะลองสุดท้ายระวังจะได้ไปเตะฝุ่น แถมมีคดีติดตัว .. ก็ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งของ“ฝ่ายผู้มีอำนาจ”แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าตรวจสอบกันจริงๆ เรื่องการใช้งบประมาณคุ้มค่า หรือการใช้งบประมาณให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ อปท. ที่จะโดน ฐานละเลงงบประมาณอย่างไม่เหมาะสมเท่านั้น .. ไล่ไปไล่มา ไล่เส้นทางการเงินกันดีๆ “บิ๊กคลองหลอด”ที่กำกับดูแล อปท. ก็คงจะดิ้นไม่หลุดบ่วง ฐานรู้เห็นเป็นใจด้วย
ช.ชฎา