“อภิสิทธิ์” ทำบุญครบรอบวันเกิด 53 ปี เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช รับพร แกนนำสมาชิก ปชป.คับคั่ง รับห่วงปฏิรูปสำเร็จยากถ้า ปชช.ไม่รู้สึกเป็นเจ้าของ ชี้เขียนยุทธศาสตร์ชาติผูกมัด 20 ปีสมัยนี้ไม่ทำกัน แนะถ้าอยากจัดไพรมารีโหวต ให้ รบ.-กกต.อำนวยความสะดวก ปชช.
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อ เวลา 09.30 น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดครบ 53 ปี โดยได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อถวายเครื่องสักการะและรับพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด โดยมีแกนนำพรรคร่วมด้วยอดีต ส.ส.และสมาชิกร่วมเดินทางมาอวยพรนายอภิสิทธิ์ และเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชด้วย โดยนายอภิสิทธิ์เผยว่า สมเด็จพระสังฆราชได้อวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ถือว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเข้าเฝ้าท่าน นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมามอบแจกันดอกไม้พร้อมกล่าวอวยพรวันเกิดนายอภิสิทธิ์ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และขอให้ได้เป็นนายกฯ อีกสมัย
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการปฏิรูป 11 ด้าน โดยได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองเสนอชื่อคณะกรรมการได้ว่า สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือทำอย่างไรให้มีการรับฟังความคิดของประชาชนให้กว้างขวางที่สุด ตนเป็นห่วงว่าการปฏิรูปครั้งนี้ประชาชนจะมีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง และเพียงพอหรือไม่ เพราะฝ่ายการเมืองเราก็มีโอกาสทำงานหน้าที่ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในวันข้างหน้า ทั้งนี้ งานปฏิรูปจะสำเร็จได้ยากถ้าประชาชนไม่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ บางเรื่องทำเสร็จในเวลาสั้นไม่ได้ บางเรื่องก็ต้องเจอผู้เสียผลประโยชน์คัดค้าน ดังนั้นต้องอาศัยความเห็นร่วมของสังคมในการขับเคลื่อน เช่นเดียวกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติที่มีความพยายามเขียนล่วงหน้าไปถึง 20 ปี ส่วนตัวมองว่ายุคสมัยนี้เขาไม่ทำกับแบบนี้ การเขียนอะไรที่ผูกมัดไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือความต้องการของประชาชนก็จะกลายเป็นปัญหาขึ้นได้ ตนถึงอยากเน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้กำหนดโทษให้หัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบ หากมีความผิดในการเลือกตั้งแบบไพรมารีโหวต นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งเป็นสองส่วน อย่างแรกใครทุจริตในการแข่งขันคนนั้นก็ต้องรับผิด อีกกรณีก็คือถ้าพรรคไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายระบุ การลงโทษหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อจะดำเนินการแล้วก็ต้องมีบทบังคับทางกฎหมาย
“ใครทุจริตก็ต้องได้รับโทษ แต่เสียดายว่าขณะนี้เรื่องที่ใหญ่กว่าคือหากอยากทำการเลือกตั้งแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วม การจะระบุให้พรรคการเมืองไปจัดการประชุมโดยมีสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 50 คนนั้น ไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์หรือทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางอย่างแท้จริง หรืออย่างที่มีการกำหนดไว้ว่างจะมีจุดให้ลงคะแนนจุดเดียวในแต่ละจังหวัด ลองนึกภาพว่าจะมีกี่คนที่ไป พอมีคนไปน้อยก็มีความเสี่ยงเรืองการจัดตั้ง ถ้าอยากจะทำจริงๆ ทำไมไม่ให้รัฐหรือ กกต.เป็นผู้จัดและอำนวยความสะดวกให้ใช้สิทธิได้ อย่างนี้จะถือว่าเป็นการปฏิรูปจริงๆ ถ้ามีการจำกัดเช่นนี้ หลายๆ พรรคการเมืองก็อาจจะทำแค่ให้ถูกกฎหมาย แต่ไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงอะไร” นายอภิสิทธิ์กล่าว