“ประยุทธ์” ชี้ สปท.มอบงานเป็นวันแสดงความสำเร็จ ขอบคุณแม่น้ำ 5 สายร่วมขจัดความขัดแย้งแตกแยกคนในชาติ ขออย่าทิ้ง คสช.-รัฐบาลไว้ข้างหลัง ย้ำวางยุทธศาสตร์ชาติ-ปฏิรูป ไม่ได้คุมใคร วอนให้กำลังใจกันบ้าง อย่าดีแต่ไล่ รมต.โลกลืม กำชับใช้สติเสพสื่อโซเชียลฯ ลั่นไม่ล้มบัตรทอง 30 บาท พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันทีมแม่น้ำ 5 สาย
วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในพิธีรับมอบงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นวันแสดงความสำเร็จ ในการร่วมมือความร่วมใจในการทำงานของทุกคนเพื่อประชาชนคนไทยทั้งชาติในอนาคต ที่ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ ลดความหวาดระแวง พิจารณาตามขั้นตอนความเหมาะสมของสถานการณ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เหตุผลก่อนที่ตนเข้ามา ทราบกันอยู่แล้ว โดยไม่อาจจะอ้างได้ว่าเป็นคนที่ดี คนเก่ง และคงไม่มีใครอยากเข้ามา โดยช่วงนั้นทราบกันดีมีแรงกดดันสูงทั้งภายในและภายนอกประเทศ อยู่ในภาวะไม่สงบสุข มีวิกฤตการเมืองหลายอย่างเกิดขึ้น ประชาชนขัดแย้ง แตกแยกรุนแรง ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่งผลกระทบความเชื่อมั่น โครงการต่างๆ หยุดชะงัก เบิกจ่ายใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ และเศรษฐกิจชะลอตัว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาการกระทำผิดกฎหมายที่เรื้อรังมานาน ไม่ว่าจะด้วยการปล่อยปละละเลย การทุจริต การขาดวินัยของคนไทย โดยเฉพาะกฎหมายจราจรที่ไม่ปฏิบัติกัน ซึ่งใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ รัฐบาลต้องหามาตรการที่ทำให้เขาพอใจ อย่ามองว่าจะต้องใช้กฎหมายอย่างเดียว หรือจะใช้อำนาจตนอย่างเดียวแล้วจะทำได้ทั้งหมด อะไรที่ทำได้ก็คือทำได้ และต้องแก้ปัญหาให้ประชาชนด้วยในทุกๆเรื่อง พัฒนาอย่างเท่าเทียมไม่ทิ้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไว้ข้างหลัง ต้องเร่งกำจัดจุดอ่อน เหมือนเกมกำจัดจุดอ่อน สร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีการกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศถึงปี 2579 คาดว่าประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รัฐบาลคิดในเชิงบริหาร ไม่ได้คิดเพื่อจะสืบทอดอำนาจ มีเป้าหมาย แผนงานชัดเจน ส่วนการปฏิรูประเทศ ที่มีทั้งการปฏิรูปการศึกษา และการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญ อย่าไปคิดว่าไม่ดีแล้วต้องปฏิรูป แต่ต้องดูว่าเกิดประโยชน์กับใคร อย่างไร ไปล้มทั้งหมดคงไม่ได้ รวมถึงการกระจายอำนาจท้องถิ่น ถ้าเลิกวันนี้ก็ปั่นป่วนหมด ควรทำให้เขาแข็งแรงก่อน ไม่ทุจริต วันนี้ต้องทำแผนงานให้สอดคล้องกัน ไม่มีทางล็อบบี้สำนักงบประมาณได้ ต้องมาให้ตนอนุมัติ เพื่อให้เกิดผลในทุกพื้นที่ การทำอะไรต้องคำนึ่งถึงเงินด้วย ดูความจำเป็น อย่างบัตรทอง 30 บาทก็ต้องให้ งบประมาณขาดอยู่แล้วเราต้องทำ ล้มไม่ได้อยู่แล้วประชาชนเองเดือดร้อน ไม่ยอมให้แก้ เขาเคยชินแบบนี้มาตลอด ซึ่งต้องมีแผนปรับปรุง
สำหรับเรื่องสำคัญยุทธศาสตร์ชาติ-ปฏิรูป เป็นคู่แฝดที่ต้องทำคู่ขนาน โดยยุทธศาสตร์เป็นเข็มทิศนำทางเพื่อเดินไม่ตกหลุม ส่วนการปฏิรูปเป็นการปรับเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะให้ไปได้เร็วขึ้น และปรับปรุงรักษาที่ชำรุดจากการทุจริต ระบบการบริหารราชการไม่หยุดชะงัก วันนี้เราอยู่บนสะพานข้ามน้ำอันเชี่ยวกราก ท้ายสุดตกสะพานไม่เป็นไร เพราะสะพานต้องถูกทุบทิ้ง แต่ต้องว่ายน้ำให้เป็น ซึ่งตนไม่กลัวเพราะว่ายน้ำเป็น ใส่เสื้อชูชีพ ดูแลตัวเองแต่ประเทศชาติต้องมาก่อน โดยธรรมะจะคุ้มครองพวกเรา และต้องปรับกล่องควบคุมคือ กฎหมายต่างๆ เราต้องไม่ปล่อยภาระไว้ที่ใคร ฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามอย่าทิ้งรัฐบาลและ คสช.ไว้ข้างหลัง ในเมื่อท่านไปกันหมดแล้วมาบอกให้รับไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องช่วยกัน
ส่วนการปฏิรูปต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง บางอย่างปฏิรูปแบบพลิกฝามือเลยไม่ได้ บางเรื่องยากเพราะประชาชนเยอะ ต้องคิดแบบผู้มีปัญหา แต่เอาเขามาคิดด้วย เปิดเวทีให้เขา และแก้ปัญหาทุกระดับ ซึ่งการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติก็เป็นเหมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนประเทศ เพื่อไม่ให้เสียบนสะพานหรือกลางสะพาน วันนี้เราอยู่บนสะพานที่กำลังก้าวข้ามแม่น้ำเชี่ยวกราก ท้ายที่สุดหากตกสะพานเองก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายสะพานก็ถูกทุบทิ้งอยู่ดี แต่ก็ไม่เป็นไรต้องว่ายน้ำให้เป็น หรือใส่ชูชีพ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะผมว่ายน้ำเป็น ต้องดูแลตัวเอง แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการขนส่งทางรางจะมีการตั้งกรมการขนส่งทางรางหรือไม่ เพราะต้องทำหน้าที่ควบคุมการขนส่งทางรางทั้งหมด การลงทุนต่างๆ กรมนี้จะทำหน้าที่ควบคุมทั้งหมด เพื่อลดภาระของหน่วยงาน ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่ตั้งมาแล้ว สุดท้ายสหภาพฯไม่เอาด้วย อย่างนี้ไปไหนไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องของทั้งประเทศ อย่าขัดแย้งในเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าโครงสร้างไม่เกิด อย่างอื่นก็ไม่เกิด สังคมต้องเรียนรู้ ที่เราต้องทำวันนี้เพราะวันหน้ารถจะได้ไม่ติด หรือจะให้ติดอย่างนี้ตลอดไปผมจะได้ไม่ต้องสร้าง ที่จะทำมีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟโมโนเรล ทางด่วนต่างๆ ก็ต้องทำไปให้เสร็จมากที่สุด อย่ามองว่ารัฐบาล หรือตนหรือใครได้ประโยชน์ ถ้ามองอย่างนั้นก็ไปหาหลักฐานมาจะตรวจสอบให้ทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หนักใจมีหลายคนมาบอกว่าอยากเอาคนนั้นคนนี้ออก ถามว่าแล้วจะเอาใครทำ มีไหม เสนอตัวมาที่จะเป็นรัฐมนตรี มาแล้วถูกตรวจสอบเลอะเทอะไปหมด ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ถูกตรวจสอบทรัพย์สิน ห้ามประกอบธุรกิจ ถ้าอยากเป็นรัฐมนตรีต้องยอมให้ตรวจสอบทุกอย่าง ถูกกล่าวหาประวัติ ทุกอย่างใส่ร้ายป้ายสีได้เยอะ เพราะฉะนั้นต้องเสียสละ มาเป็นรัฐมนตรีรับเงิน 1 แสนบาท ไม่มีรายได้อื่น วันนี้รัฐมนตรีถูกให้ตนย้ายทุกวัน ทุกรัฐมนตรีแหละ ปัญหามันเยอะ ไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นก็ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีทั้งหมด เปลี่ยนนายกฯด้วย เพราะตนต้องรับผิดชอบ เพราะนั่งทำงานด้วยกันทั้งหมด
“ไม่ใช่ผมทำคนเดียว ไม่ใช่ทุกคนชอบแต่ลุงตู่ ไม่ชอบรัฐมนตรีผมเลยสักคน แล้วผมจะอยู่กับใคร ใครจะทำ ให้กำลังใจกันบ้าง ถ้ามันมีหลงหูหลงตาบ้าง ไม่ใช่รัฐมนตรีโลกลืม ก็คุณไม่ฟัง ฟังแต่ผมคนเดียว แล้วก็คุณก็บ่นผมทุกวัน ถามรัฐมนตรีทำไมไม่พูด เขาบอกพูดทุกวัน แต่ไม่มีใครฟัง สื่อเป็นอย่างนี้ ไปโทษเขาไม่ได้ ท่านต้องพูดแบบผม” นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า ขอฝากภารกิจนี้ไว้กับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศชุดใหม่ สานต่อภารกิจที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้สำเร็จ อยากให้ทุกคนให้กำลังใจ ขอให้ปรบมือให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สปท. และปรบมือให้ตัวเองทั้งหมด ขอบพระคุณอีกครั้ง ไม่มีการตำหนิซึ่งกันและกัน เลิกแล้วต่อกัน มีหน้าที่ก็ทำกันต่อไป ทุกท่านคือผู้ที่เริ่มกับตนตรงนี้ วันนี้ปัญหาของโลกใบนี้ ความมั่นคง ความขัดแย้ง สงครามก่อการร้ายสุดโต่ง ปัญหาสังคม การศึกษา โรคระบาด การแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย เป็นปัญหาที่ต้องเจอ เราต้องลดความขัดแย้งให้มากที่สุด หามาตรการทำทุกอย่างให้ลดความขัดแย้งในประชาชนให้ได้ ขอฝากให้ระวังการใช้สื่อโซเชียลมีเดียด้วย ก่อนจะเชื่อให้ใช้สติปัญหาคิดให้ดี “หลายเรื่องของผมก็โดนเยอะ ไม่เป็นไรสู้ได้ เพราะผมคิดว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรผิด ผิดอยู่วันเดียววันที่ 22 พ.ค. 57 ผิดวันเดียวเอง”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับอาหารกลางวันที่นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารแม่น้ำ 5 สาย ประกอบด้วย ผัดผักรวมมิตรกุ้ง กระดูกหมูตุ๋นเยื่อไผ่ แกงส้มชะอมทอดใส่กุ้ง ปลาและปลาหมึกทอดกระเทียม ผลไม้รวมและขนมไทย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ตะโก้ เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีซุ้มอาหารญี่ปุ่น ก๋วยเตี๋ยวหมูเด้ง ส้มตำไก่ย่าง และอาหารมุสลิม ให้เลือกรับประทานได้ ทั้งนี้ยังได้จัดอาหารให้กับสื่อมวลชนด้วย โดยก่อนการรับประทานอาหารนายกรัฐมนตรีได้ลงมาบริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา 1 เพื่อทักทายและขอบคุณสมาชิก สปท. สนช. รวมทั้งข้าราชการระดับอธิบดีและปลัดกระทรวงต่างๆ ที่ได้ร่วมทำงานกันมา จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ขึ้นไปรับประทานอาหารที่บริเวณชั้น 2
สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารเที่ยงของนายกรัฐมนตรี มีผู้ร่วมโต๊ะประกอบด้วย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธาน สปช. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เป็นต้น
ทั้งนี้ สมาชิก สปท.ได้รับหนังสือผลงานของ สปท.คนละชุด ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สปท.ได้ทำตุ๊กตาช้าง และหมี สวมเสื้อสีน้ำเงิน สกีนด้านหน้าว่า “สปท.” มาแจกให้แก่เพื่อนๆ เป็นที่ระลึกด้วย