โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยนายกฯ ส่ง “วิษณุ” แจง สปท.เตรียมเชิญแม่น้ำ 5 สาย และอดีต ปธ.สปช.คุยที่สภา ตั้ง กก.ยุทธศาสตร์ภายใน 1 เดือน คาดแผนเสร็จกลางปีหน้า ส่วน ป.ย.ป.ก็ยังอยู่ไปก่อน สั่งเปิดศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส อำนวยความสะดวกแรงงานต่างด้าว
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. … หากประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะสิ้นสุดวาระลงในวันถัดไป ทั้งนี้ สปท.วางแผนไว้ว่าก่อนจะหมดวาระ ถือโอกาสอยากจะมาพบนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน นายกฯ จึงให้แนวทางไปว่าขอพบกันคนละครึ่งทาง โดยขอไปจัดที่รัฐสภาพร้อมกันและจะเชิญแม่น้ำสายเก่าและสายใหม่ ในแม่น้ำ 5 สาย มาร่วมพูดคุยกันด้วย เช่น สปท. หรือ สนช.ให้มาทั้งคณะ หรือคณะที่หมดวาระไปแล้วในชุดสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะเชิญมาเฉพาะประธานด้วย
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ภายหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 11 คณะๆ ละ 15 คน ขณะที่ปัจจุบัน ครม.แต่งตั้งไปแล้ว 2 คณะ คือ คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจและคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา เหลือ 9 คณะ ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครม.จะตั้งให้เสร็จภายใน 1 เดือน คาดว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ จะออกมาสำเร็จภายในกลางปีหน้า ขณะเดียวกันมีคำถามตามมาว่า เมื่อมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแล้ว คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ยังมีความจำเป็นจะอยู่ต่อไปหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังคงอยู่ไปก่อนจนถึงกลางปีหน้า เพราะยังมีขั้นตอนและกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอาจใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง นายกฯ เน้นย้ำว่า ไม่ควรใช้งบประมาณในการดำเนินงานมาก เพราะจะไปเป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศชุดใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้น
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายกระทรวงแรงงาน ในส่วนที่นายจ้างจำเป็นต้องปล่อยให้แรงงานกลับไปที่ประเทศต้นทาง เพื่อไปทำหนังสือเดินทางและพิสูจน์สัญชาติ ถ้ากรณีเล็กน้อย คือเรื่องใบอนุญาตทำงานผิด เช่น เคยทำงานที่บริษัทนี้ แต่ไปทำงานอีกบริษัท หรือไปทำงานในจังหวัดอื่นให้ดำเนินการได้ที่สำนักงานจัดหาแรงงานในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีระยะเวลาในการติดต่อขออนุญาตนาน นายกฯ จึงสั่งให้เปิดศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ให้บริการทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และกระทรวงมหาดไทยเบ็ดเสร็จในที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ที่เข้าเมืองโดยถูกกฎหมายและยังประกอบกิจการ หรือผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายไปติดต่อในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้สามารถทำได้เร็วขึ้น