พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง ผลโพลที่ประชาชนสนับสนุนให้มีการตั้งพรรคการเมือง เพื่อสืบทอดอำนาจรัฐบาลทหาร ว่า ส่วนตัวยังไม่คิดถึงตรงนั้น แต่คิดเพียงว่า วันนี้จะแก้ไขปัญหาราชการแผ่นดินอย่างไร เรามี รธน.ประกาศใช้แล้ว วันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำกม.ลูก และคิดว่าหลายอย่างจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องการเมืองไม่ได้ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของแม่น้ำ 5 สาย ที่จะต้องช่วยกันทำออกมา
"อย่ามากังวลกับผม ว่าผมจะอยู่ต่อหรือเปล่า หรือตั้งพรรคการเมืองหรือเปล่า แต่จะทำวันนี้ให้ผ่านไปก่อน สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเอง ว่าเราควรจะทำอย่างไรในอนาคต โดยเราจะต้องคาดหวังแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ทำได้ ทำสำเร็จ อย่าไปคิดว่าจะต้องทำโน่น ทำนี่ ให้สมาธิเสีย วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชนนั่นแหละ เรื่องโพล ก็ขอบคุณผู้สนับสนุน ส่วนผู้ไม่สนับสนุน ผมก็ขอบคุณเช่นกัน โดยจะมีการรับฟังความคิดเห็นทั้งสองทาง" พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายพรรคการเมือง กังวลระบบไพรมารีโหวตใน พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น กรอบงานของตนคือ ทำอย่างไรเพื่อไม่ให้โรดแมปขยับเขยื้อน โดยทุกคนต้องทำงานให้ได้ตามนั้น ถ้าหาข้อยุติไม่ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องของตน และใช่ว่าตนจะให้สัญญาณ เพื่อไม่ให้กฎหมายไม่ผ่าน เพราะต้องไปดูว่า มีการถกแถลงอย่างไรในสภาฯ ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และต้องฟังความเห็นของกรรมาธิการ ทั้งเสียงข้างมากและข้างน้อย ที่สำคัญคือ ต้องหาทางว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบทำให้การเลือกตั้งช้าลง
ทั้งนี้ เรื่องสปท. และ สนช. กว่า 30 คน เตรียมลาออกเพื่อลงการเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องของท่าน ไปห้ามไม่ได้ ที่เหลือก็ยังสามารถทำงานได้ เพราะจะลาออกแค่ไม่กี่คน ที่มีอนาคตทางการเมือง ยืนยันว่าทั้งหมดนี้ไม่กระทบโรดแมปแน่นอน โดยจะทำทุกอย่างให้โรดแมปเป็นไปตามที่กำหนด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การระงับการโยกย้ายตำรวจไว้ก่อนว่า ตนคิดว่ามันไม่สมควร เรื่องนี้ต้องไปสอบสวนกันมา ตรงไหนผิด ตรงไหนถูก เฉพาะกรณีไป คำสั่งทั้งหมดมีตั้งหลายพันคน ถ้าไปยกเลิกเขาทั้งหมด จะถูกต้องหรือไม่ ตรงไหนมีปัญหาก็ไปแก้ไขตรงนั้น อย่าไปเหมาทั้งหมด คนที่เขาทำงานวันนี้ จะทำอย่างไรกับเขา และเขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปแล้ว ต้องคุ้มครองสิทธิของเขาด้วย
"เรื่องการปฏิรูปตำรวจผมให้ความสำคัญอยู่แล้ว และได้ย้ำในที่ประชุมครม. ไม่ใช่ไม่สนใจ ซึ่งในวันนี้ มีรายชื่อออกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถแถลงได้ แต่ได้รวบรวมไว้ที่ฝ่ายกฎหมายอยู่ จะต้องทำงานให้สอดคล้องกับ คณะปฏิรูปตำรวจ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย"
นายกฯ กล่าวว่า เราเหลือเวลา 9 เดือน ก็คงจะเน้นเรื่องของการปฏิรูปองค์กร ซึ่งมีหลายกิจกรรมด้วยกัน มี 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่ เรื่องการปฏิรูปองค์กรตำรวจ การปฏิรูปกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมของตำรวจ และ เรื่องบุคลากรในแต่ละกลุ่มงาน จะมีกลุ่มงานย่อยอีกหลายสิบกิจกรรมอยู่ข้างล่าง ตรงนี้ได้สั่งการให้รองนายกฯไปดำเนินการข้างล่าง ให้ตรงกับตรงนี้ และคณะกรรมการปฏิรูปของรัฐบาล จะดำเนินการ และจะดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกันพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการเป็นคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งมีทั้ง พลเรือน ข้าราชการตำรวจ และที่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ รวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ผู้ที่มีผลได้ผลเสียจากการทำงาน ต้องทำให้เกิดความชัดเจนให้มากยิ่งขึ้น
"อย่ามากังวลกับผม ว่าผมจะอยู่ต่อหรือเปล่า หรือตั้งพรรคการเมืองหรือเปล่า แต่จะทำวันนี้ให้ผ่านไปก่อน สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเอง ว่าเราควรจะทำอย่างไรในอนาคต โดยเราจะต้องคาดหวังแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ทำได้ ทำสำเร็จ อย่าไปคิดว่าจะต้องทำโน่น ทำนี่ ให้สมาธิเสีย วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชนนั่นแหละ เรื่องโพล ก็ขอบคุณผู้สนับสนุน ส่วนผู้ไม่สนับสนุน ผมก็ขอบคุณเช่นกัน โดยจะมีการรับฟังความคิดเห็นทั้งสองทาง" พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายพรรคการเมือง กังวลระบบไพรมารีโหวตใน พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น กรอบงานของตนคือ ทำอย่างไรเพื่อไม่ให้โรดแมปขยับเขยื้อน โดยทุกคนต้องทำงานให้ได้ตามนั้น ถ้าหาข้อยุติไม่ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องของตน และใช่ว่าตนจะให้สัญญาณ เพื่อไม่ให้กฎหมายไม่ผ่าน เพราะต้องไปดูว่า มีการถกแถลงอย่างไรในสภาฯ ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และต้องฟังความเห็นของกรรมาธิการ ทั้งเสียงข้างมากและข้างน้อย ที่สำคัญคือ ต้องหาทางว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบทำให้การเลือกตั้งช้าลง
ทั้งนี้ เรื่องสปท. และ สนช. กว่า 30 คน เตรียมลาออกเพื่อลงการเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องของท่าน ไปห้ามไม่ได้ ที่เหลือก็ยังสามารถทำงานได้ เพราะจะลาออกแค่ไม่กี่คน ที่มีอนาคตทางการเมือง ยืนยันว่าทั้งหมดนี้ไม่กระทบโรดแมปแน่นอน โดยจะทำทุกอย่างให้โรดแมปเป็นไปตามที่กำหนด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การระงับการโยกย้ายตำรวจไว้ก่อนว่า ตนคิดว่ามันไม่สมควร เรื่องนี้ต้องไปสอบสวนกันมา ตรงไหนผิด ตรงไหนถูก เฉพาะกรณีไป คำสั่งทั้งหมดมีตั้งหลายพันคน ถ้าไปยกเลิกเขาทั้งหมด จะถูกต้องหรือไม่ ตรงไหนมีปัญหาก็ไปแก้ไขตรงนั้น อย่าไปเหมาทั้งหมด คนที่เขาทำงานวันนี้ จะทำอย่างไรกับเขา และเขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปแล้ว ต้องคุ้มครองสิทธิของเขาด้วย
"เรื่องการปฏิรูปตำรวจผมให้ความสำคัญอยู่แล้ว และได้ย้ำในที่ประชุมครม. ไม่ใช่ไม่สนใจ ซึ่งในวันนี้ มีรายชื่อออกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถแถลงได้ แต่ได้รวบรวมไว้ที่ฝ่ายกฎหมายอยู่ จะต้องทำงานให้สอดคล้องกับ คณะปฏิรูปตำรวจ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย"
นายกฯ กล่าวว่า เราเหลือเวลา 9 เดือน ก็คงจะเน้นเรื่องของการปฏิรูปองค์กร ซึ่งมีหลายกิจกรรมด้วยกัน มี 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่ เรื่องการปฏิรูปองค์กรตำรวจ การปฏิรูปกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมของตำรวจ และ เรื่องบุคลากรในแต่ละกลุ่มงาน จะมีกลุ่มงานย่อยอีกหลายสิบกิจกรรมอยู่ข้างล่าง ตรงนี้ได้สั่งการให้รองนายกฯไปดำเนินการข้างล่าง ให้ตรงกับตรงนี้ และคณะกรรมการปฏิรูปของรัฐบาล จะดำเนินการ และจะดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกันพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการเป็นคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งมีทั้ง พลเรือน ข้าราชการตำรวจ และที่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ รวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ผู้ที่มีผลได้ผลเสียจากการทำงาน ต้องทำให้เกิดความชัดเจนให้มากยิ่งขึ้น
