xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : มันก็จะวนๆ หน่อย ปฏิรูปตำรวจไม่ไปไหน กับวงจร “ตั้งกรรมการ-ศึกษา-เสนอไอเดีย-เก็บเข้าลิ้นชัก” - “ตระกูล ส.-แก๊งคนดี” ลากคนมีแผล “วิลาสินี” คุมทีวีสาธารณะ ผลประโยชน์ทับซ้อน ผัว-เมีย นัวเนียออกนอกมุ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** มันก็จะวนๆ หน่อย ปฏิรูปตำรวจไม่ไปไหน กับวงจร “ตั้งกรรมการ - ศึกษา - เสนอไอเดีย -
เก็บเข้าลิ้นชัก”


ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องตามอย่างต่อเนื่องกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ที่มี “บิ๊กสร้าง เวสปอยท์” พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ที่เข้ามารับหน้าเสื่อเป็นประธาน .. หลังจากที่เทียบเชิญบุคคลหลายวงการมานำทีม แต่ถูกปฏิเสธเรียบวุธ เพราะต่างก็รู้ดีว่า งานสังคายนา “กรมปทุมวัน” นี่ยิ่งกว่างานหิน ดูทรงแล้วมีแต่ “เจ๊งกับเจ๊ง” .. โดย “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้คิกออฟการทำงานของ “ทีมบุญสร้าง” ไปเป็นที่เรียบร้อย เห็นว่า มอบ “พิมพ์เขียว” ที่เขียนด้วยลายมือไป13 หน้าเอสี่ .. มีสูตรการทำงาน 2 - 3 - 4 คือ 2 เดือนแรกให้คุยเรื่องปัญหาทั้งหมด อ่านงานวิจัยให้หมด 3 เดือนถัดไป ยกร่างกฎหมาย กำหนดกติกาให้เสร็จ และ 4 เดือนสุดท้าย รับฟังความเห็น และแต่งเติมส่วนที่บกพร่อง ทั้งหมด 9 เดือน พอดีหมดอายุกรรมการพอดี

ใครได้ติดตามข้อเสนอในการปฏิรูปตำรวจมาตลอดก็จะเห็นว่าเป็นกระบวนการ “วนลูป” ไม่ได้มีอะไรใหม่ ก็ปัญหาทั้งหลายของวงการสีกากี มีทำไว้ “สำเร็จรูป” แล้ว หาได้จากผลงานวิจัย - รายงานคณะกรรมการนั่นนี่ ทั้งชุด พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร สังศิต พิริยะรังสรรค์ หรือกระทั่งรายงานของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาถึง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีพร้อมสรรพให้เลือกสรร .. อย่างไม่กี่เดือนก่อน ก็เพิ่งมีข้อสรุปของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ในคณะกรรมการประสานงานระหว่าง สนช. และ สปท. ออกมา .. ประธานอนุกรรมการฯชุดที่ว่า ก็ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ใกล้ชิด พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จุดพลุให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปสังกัด กระทรวงยุติธรรม พร้อมเบิ้ลรายได้ให้ตำรวจทั่วปนะเทศเป็นสองเท่า เพื่อปิดวงจรการรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ อะไรเทือกนั้น ช่วงนั้นก็ถูกหยิบจับมาเล่นเป็นประเด็นอยู่ช่วงสั้นๆ ที่สุดก็ไม่เห็นมีใครจะ “นำพา” อะไรเลย

หรือดูอย่างคณะกรรมการชื่อยาว คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง หรือ “ป.ย.ป.” ที่ตอนแรก “โหมโรง” ซะราวกับหนังฟอร์มยักษ์ กวาดต้อนบุคคลมีชื่อมาสวมหมวกร่วมเป็นกรรมการมากหน้าหลายตา .. ผ่านไป 3 - 4 เดือน เงียบกริบ ไม่เห็นมีผลงานออกมาเป็นรูปธรรมอะไรเลย ซึ่ง “บิ๊กสร้าง” ก็ร่วมเป็นคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ภายใต้การนำของ “เพื่อนป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ด้วย .. อนาคตของ “ทีมบิ๊กสร้าง” ก็คงไม่พ้นคณะกรรมการอื่นๆ ในอดีต ที่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาไปหน่อยกลายเป็นบ้องกัญชา .. ตั้งกรรมการมากมายหลายชุดให้ “ดูเยอะ” เข้าว่า แต่คาดหวังอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นช่องทาง ต่างตอบแทน กอบโกยค่าตอบแทน - เบี้ยประชุม ให้สูญเสียงบประมาณชาติไปเล่นๆ ถ้าคิดจะไม่ทำอะไรจริงๆ ก็ไม่ต้องเสียเวลาแต่งตั้ง - แต่งตัว ให้วุ่นวายแบบนี้ มันเปลือง !!

** “ตระกูล ส. - แก๊งคนดี” ลากคนมีแผล “วิลาสินี” คุมทีวีสาธารณะ ผลประโยชน์ทับซ้อน ผัว - เมีย นัวเนียออกนอกมุ้ง

ศึกชิง “อาณาจักร 2 พันล้าน” ท่าจะยืดเยื้อ แม้ วิลาสินี พิพิธกุล ได้รับเลือกเป็น ผอ.ส.ส.ท. หรือ ไทยพีบีเอส ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน .. แต่มันก็มีเรื่องค้างคาที่ยังต้องหาทางลงกันต่อไป กับความเห็นของ “แก้วสรร อติโพธิ” ที่มีต่อ “ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ” หนึ่งในกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. จนทำให้ “ณรงค์” ชิ่งไม่เข้าร่วมประชุมโหวตเลือก ผอ.ส.ส.ท. ก็ “จารย์แก้ว” ชี้ชัดว่า กระบวนการสรรหาไม่ถูกต้อง ผู้สมัครที่ตกรอบ อาจเอาไปร้องศาลปกครองได้ .. ที่สำคัญ กรรมการที่เกี่ยวข้องกับการสรรหารอบนี้ อาจมีความผิด “ทางอาญา” เสียด้วย .. ความเห็น “จารย์แก้ว” ถูกผิดไม่รู้ แต่ก็ทำเอาคณะกรรมการสรรหา “ร้อนรุ่ม” อยู่ไม่ได้ ต้องร่อนแถลงการณ์ออกมาตอบโต้ การันตีว่ากระบวนการต่างๆ ถูกต้องแน่นอน .. สวนกลับ “จารย์แก้ว” ด้วยว่า เป็นแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งก็จริง แต่ถ้ามีการฟ้องร้องขึ้นมา อันนั้นมีผลทางกฎหมายแน่ .. ท้ายๆ แถลงการณ์ยังตอบโต้ด้วยว่า เป็นแค่ความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของ คณะกรรมการ ที่ทำงานด้วย “ความอิสระ” .. แหม่!! ถึงขั้นอ้างเรื่องความอิสระ ท่าไม้ตายจอง “แก๊งคนดี” เสียด้วย ..

ถามว่า อิสระอีท่าไหน ถึงเคยเลือก “หมอฟัน” มาบริหารทีวี แล้วมารอบนี้ยังเลือก “เมียนายทุน” เข้ารอบสุดท้าย ก่อนเข้าวินมาอีก .. “นายทุน” ที่ว่า ก็ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่วันนี้มี ผู้จัดการ สสส. ชื่อ สุปรีดา นามสกุล อดุลยานนท์ ก็บังเอิญเป็นนามสกุลที่สองของ “วิลาสินี” ผู้เป็นภรรยานั่นเอง .. คงเป็นปกติของบ้านเมืองนี้ไปแล้วกระมัง ที่ผัวเมียมีผลประโยชน์ทับซ้อน ที่ไม่ใช่แต่ในมุ้ง ยังนัวเนียมาทับซ้อนกันต่อในหน่วยงานภาครัฐ ราวกับเป็นสมบัติของตระกูลซะงั้น .. เออ ลืมๆ นี่มันก็สมบัติ “ตระกูล ส.” นี่หน่า

** โค้งสุดท้ายคดีจำนำข้าว มิน่า “หนูปู” ยังลั้นลา ไม่หนีตามไปอยู่กับ “พี่ชาย” งัดไม้เด็ดยื้อคดีอีกเฮือก

คงทราบกันแล้วว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วง “โค้งสุดท้าย” คดีรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไต่สวนพยานไปเกือบครบ รอนัดแถลงปิดคดี - พิพากษา เร็วๆ นี้ .. แต่อาการ “หนูปู” ที่ควรจะ “อกสั่นขวัญแขวน” กับ “โทษทางอาญา” ที่คอยท่าอยู่ กลับดูลั้ลลา ร่าเริง จัดอีเวนต์ เรียกเรตติ้งไม่เว้นแต่ละวัน ..โดยเฉพาะตั้งแต่หลังวันคล้ายวันเกิดของตัวเธอเป็นต้นมา ที่ระดมแฟนนานุแฟน ร่วมกิจกรรมสารพัด คล้ายกับพยายามสร้างเกราะกำบังให้ตัวเอง ยิ่งเวลาที่มีนัดขึ้นศาลแต่ละครั้ง จะเห็น “แฟนคลับหนูปู” แห่แหนไปให้กำลังใจ แบบไม่เกรงใจพื้นที่ศาล .. บ้างก็ว่าอาการของ “คนใจดีสู้เสือ” หรืออาการ “คนจนตรอก” ที่หวังใช้แฟนคลับเป็น “โล่มนุษย์” .. แต่จู่ๆ “หนูปู” ก็ไม่รู้ได้กุนซือดีที่ไหน งัดทีเด็ดที่อุบไต๋มานาน นำเรื่องขึ้นไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตีความกระบวนการพิจารณาคดีจำนำข้าว ที่ไม่เข้ากับเหตุรัฐธรรมนูญ 60 ที่บัญญัติไว้ว่า ให้ศาลใช้สำนวน ป.ป.ช. เป็นหลัก โดยอ้างว่า ที่ผ่านมาอัยการ ในฐานะทนายของรัฐที่เป็น “ทนายฝ่ายโจทก์” ยัดพยานเอกสารเข้ามาเยอะเกินไป ในระหว่างการพิจารณาคดี ทำให้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี .. ซึ่งองค์คณะศาลก็ไม่ได้หักหาญน้ำใจ รับพิจารณา รอฟังคำสั่ง 21 ก.ค. นี้ .. ถือเป็นหมากเกมที่เฉลยสาเหตุว่า ทำไมป่านนี้ “น้องปู” ยังไม่หนีตามไปอยู่กับ “พี่ชายสุดที่รัก” นั่นเอง

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น