ข่าวปนคน คนปนข่าว
** งานเข้า“เครือผู้จัดการ”โดน “บิ๊กป๊อด - พัชรวาท”ฟ้องฐานหมิ่นประมาท กรณีเปิดโปง“ฟาร์มโชคชัย" ชาวโซเชี่ยลฯ แซว "พี่ชายกินปูน น้องชายร้อนท้อง"
มีงานเข้า มีงานเข้า มีงานเข้า มีงานเข้า .. ถึงกับต้องฮัมเพลงดังแก้เขิน เมื่อได้รับเกียรติจาก“บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ฟ้องร้อง“เครือผู้จัดการ”ต่อศาลในคดี “หมิ่นประมาท” ..ต้นสายปลายเหตุก็มาจาก“ปริศนาฟาร์มโชคชัย”ที่เชื่อมโยงกับกรณีที่ วิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตแกนนำ กปปส. ออกมาเปิดโปง “ขบวนการเซ็งลี้ตำรวจ”เรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ..
ในคำฟ้อง“บิ๊กป๊อด”ระบุว่า ข้อความหลายกรรมหลายวาระของ “เครือผู้จัดการ”ไปทำให้ “บุคคลทั่วไปมีความรู้สึกและเข้าใจในความหมาย”ว่าตัวของ“บิ๊กป๊อด”ซึ่งเป็นน้องชายของ“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยุ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แต่งตั้ง โยกย้าย ตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ทั้งที่เกษียณอายุราชการมานานแล้ว .. บางช่วงยังบอกด้วยว่า ตัวเองมีบ้านอยู่ใน“ซอยโชคชัย 4”ด้วย ปักหมุด-แชร์โลเกชั่นให้เรียบร้อย ขนาด วิทยา แก้วภราดัย ที่ออกมาแฉโช๊ะๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่า ฟาร์มนี้อยู่หนใด ..
เรื่องนี้ขอไม่ยุ่งให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขอหยิบยก“ท๊อปคอมเมนต์”ของ “ท่านผู้อ่าน”ที่กรุณาแสดงความเห็นไว้ท้ายข่าวที่ “เครือผู้จัดการ”โดนฟ้องไว้ คนหนึ่งก็ว่า “ตอนแรกประชาชนไม่รู้ว่าเป็นใคร”อีกคนก็ว่า“ทำให้คนอื่นรู้หมดเลย”ที่ฮาสุดคงเป็นเม้นต์ที่ว่า “อ้าว นึกว่าฟาร์มโชคชัยแถวปากช่อง” .. ที่ไลค์กันใหญ่ คงเป็นความเห็นที่ว่า "พี่ชายกินปูน น้องชายร้อนท้องวุ้ย" แต่ไม่ยักจะบอกว่าพี่น้องคู่ไหนแฮะ
** นับถอยหลัง 9 เดือน ปฏิลูบๆ คลำๆ สังคายนาวงการตำรวจ สุดท้ายได้กลายเป็น“เศษกระดาษ”ยัดใส่ลิ้นชักเหมือนเดิม
มันก็เหมือนเห่อของใหม่กันหน่อยๆ .. กับประเด็นการแต่งตั้ง“36 อรหันต์”คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี “บิ๊กสร้าง”พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.ทสส. เตรียมทหารรุ่น 6 เป็นประธาน .. ที่จะกลายเป็นกระแสที่ต้องติดตามไปอีกสักระยะ จากที่ได้บอกไปแล้วว่า คงไม่มีใครข้องใจในความรู้ความสามารถของ “บิ๊กสร้าง”ที่มีดีกรีดอกเตอร์ จากโรงเรียนนายร้อยทหารบก“เวสปอยท์”สหรัฐอเมริกา บวกกับชื่อเสียงที่สั่งสมมา ก็ไม่ได้ด่างพร้อยอะไร ตำหนิอย่างเดียว คงฐานะ “เพื่อนซี้บิ๊กป้อม”ที่อาจทำให้เกิดอาการหวาดระแวงในความจริงใจเล็กน้อย ถึงปานกลาง .. แต่ก็คงไม่ผิดที่ คสช. จะเลือกใช้ “ทหาร”มานำการปฏิรูป “ตำรวจ”อย่างน้อยก็มีดั้งบนบ่าให้เกรงอกเกรงใจกันบ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุให้“พลเรือน”ที่ถูกทาบทามให้นั่งหัวโต๊ะ ต่างปฏิเสธกันเป็นแถว จนต้องวกกลับมาที่ “ท๊อปบูต”ของตาย .. ที่สำคัญก็ใน“36 อรหันต์”ก็พรึ่บพรั่บไปด้วย “บิ๊กตำรวจ”ที่ยึดเก้าอี้ไปถึง 15 หน่อแล้ว หากนับ ศุภชัย ยาวะประภาษ ที่แม้ไม่มียศตำรวจนำ หน้า แต่ก็เป็นนายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยแล้ว ก็ 16 พระหน่อ
แบบนี้เชื่อว่า ข้อเสนอ-แนวทางปฏิร่ง..ปฏิรูป อาณาจักรปทุมวัน ที่จะทำในช่วง 9 เดือนเศษนับจากนี้ ก็คงไม่หลุดโค้ง แหวกแนวจน“สีกากี”รับไม่ได้ดอก .. ที่ต้องจับตาก็ใน รัฐธรรมนูญวาง “เดดไลน์”ให้การทำงานจบภายใน 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 6 เม.ย. ปีหน้า ก็ไม่รู้จะเห็นมรรคเห็นผลมากน้อยแค่ไหน .. เรื่องของเรื่อง คณะกรรมการฯ ชุดนี้ไม่ได้มีอำนาจไปสั่งการเด็ดขาดอะไร เพียงแต่เสนอให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการเท่านั้น ก็ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า จะทำไม่ทำ ก็อีกเรื่อง .. แล้วถ้าเทียบสถิติ 3 ปีที่ผ่านมาของ คสช. ยังไม่มีแนวโน้มที่เอาจริงกับการปฏิรูปวงการตำรวจ ทั้งที่ออกคำสั่งคสช.ไปหลายฉบับ ข้อเสนอจาก“ผู้หวังดี”มีเพียบไปหมด ก็ยังได้แต่ “ปฏิลูบ”แบบ ลูบไป ลูบมา แต่ก็ยังมีข่าวการซื้อขายตำแหน่งทุกฤดูกาล จนครั้งหนึ่ง “ท่านผู้นำ”ถึงขั้นประกาศให้เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้าด้วยซ้ำ แล้วอิแค่ 9 เดือน จะไปได้อาร๊ายยย .. ทำไปทำมาก็จะกลายเป็นเศษกระดาษ ยัดใส่ลิ้นชักเหมือนเดิม
** กสทช.ดริฟท์ล้อปัด ประจานตัวเองใช้ "กระบวนการเถื่อน" คุม OTT เพิ่งสำเหนียกว่า ไม่มีกฎหมายรองรับ
กลับลำแบบ 360 องศา หรือที่ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า“ดริฟท์”ที่เป็นแสลงแปลว่า แก้ตัว หรือ แถ นั่นแล .. เมื่อ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์"เลขาธิการ กสทช. ออกมาเปิดเผยมติ กสทช. เกี่ยวกับการกำกับการแพร่ภาพและเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT)ที่กำลังเดินเครื่องเต็มสูบอยู่ในตอนนี้ .. ว่า ยังเห็นควรจะเดินหน้าการกำกับกิจการ OTTต่อไป แต่เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการกำกับดูแลที่จะไม่มีข้อโต้แย้งในอนาคต กสทช. จึงมีมติให้ “คณะอนุกรรมการ OTT”ที่มี พ.อ.นที ศุกลรัตน์ เป็นประธาน ไปยกร่างหลักเกณฑ์การกำกับกิจการ OTT เสียก่อน .. โดยขีดเส้นให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งการเสนอให้บอร์ด กสทช.พิจารณา -ทำประชาพิจารณ์ รับความฟังความเห็นสาธารณะ ก่อนประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา โดยมีกรอบเวลาดำเนินงานทั้งหมด 90 วัน .. ผลที่ตามมาคือ “เดดไลน์”ที่เคยขีดไว้ว่า หาก FACEBOOK-Youtube ไม่มาลงทะเบียนเป็น“ผู้ให้บริการ OTT”ภายใน 22 ก.ค.นี้ ก็จะถูกเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าหลักเกณฑ์กำกับดูแล จะประกาศใช้
จังหวะ "ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก" ทั้งๆ ที่เคยโผงผางตราหน้าคนอื่นว่า "ของเถื่อน" ก็สะท้อนว่า การดำเนินการของ กสทช. ต่างหากที่เป็น "กระบวนการเถื่อน" ที่ไม่มีกฎหมาย-ข้อบังคับอะไรรองรับ .. เอาตั้งแต่การ“ชงเอง กินเอง”ประชุมบอร์ด กสทช. "นัดพิเศษ" ลง ก่อนมติให้ OTTเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ กสท. พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการมาตีกรอบเสร็จสรรพ .. จากนั้นก็เหมือนได้ที ใช้อำนาจของตัวเอง ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเอง โดยไม่มีกฎหมายรองรับ ไปกวาดต้อน "เพจดัง - ผู้ผลิตคอนเทนต์ - เจ้าของแพลตฟอร์ม" มาขึ้นทะเบียนยกใหญ่ .. พอเจ้าของแพลตฟอร์มหัวนอก FACEBOOK-Youtube ไม่ยอมมาเป็น "เมืองขึ้น" ก็ตีอกชกลม ไปหาว่าเขาเป็น "ของเถื่อน" บีบคั้นกดดัน "เอเยนซี่โฆษณา" ไม่ให้ไปลงโฆษณาด้วย ห้ามโน่น นี่ นั่น เป็นเรื่องเป็นราว .. สุดท้ายโอละพ่อ เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีอำนาจ ก็วกกลับมาจะทำระเบียบตีกรอบ OTTอย่างที่เห็น .. สารภาพตามแจ้งไปเลยว่า ตัวต่างหากที่ “เถื่อน”.. อะๆ แต่การจะไปยกร่างหลักเกณฑ์กฎระเบียบอะไรออกมา ก็ใช่ว่าจะทำให้หลุดพ้นความเป็น "ของเถื่อน" ต้องย้อนกลับไปดูว่า "กฎหมายแม่" ให้อำนาจ กสทช. แค่ไหนด้วย แล้วไอ้ที่ทำๆ มา โดยไม่มีอำนาจ-เข้าข่ายผิดกฎหมาย มันก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอยู่นะท่าน .
ช.ชฎา